ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค - อภิธัมมัตถสังคหบาลี และอภิธัมมัตถวิภาวีนีฎีกา - หน้าที่ 409
โดยนัยเป็นต้นว่า โมหสัทธาจริตฯ ก็ในนัยแห่งจริตมีมูลเดียวนี้
ย่อมมีหมวด ๗ แห่งจริต ๓ หมวด ฉันใด แม้ในนัยแห่งจริตมีมูล ๒
ก็มีหมวด ๒ แห่งจริต ๓ หมวด โดยนัยเป็นต้นว่า ราคโทสสัทธา
จริต ราคโทสพุทธิจริต ราคโทสวิตกจริต ฉันนั้น ๆ แต่ในนัยแห่ง
จริตมีมูล ๓ มีหมวด ๓ แห่งจริตหมวดเดียว โดยนัยเป็นต้นว่า
ราคโทสโมหสัทธาจริตฯ จริยา ๔๕ จริยา โดยคละกัน ด้วยอำนาจ
แห่งหมวดเจ็ด ๓ หมวด ดังพรรณนามาฉะนี้แล ฯ บัณฑิตพึงทราบ
จริยา ๖๓ คือ ๔๕ จริยาที่กล่าวมาแล้ว และ ๑๔ จริยาก่อน ๆ แต่
อาจารย์บางพวกพรรณนาว่า รวมกับทิฏฐิ มี ๖๔ จริยา ฯ
[อธิบายภาวนาเป็นต้น]
ภาวนาในส่วนเบื้องต้น เป็นกรรมเตรียมการ หรือเป็นกรรม
เบื้องต้นแห่งภาวนา ชื่อว่าบริกรรมภาวนา ณ กามาวจรภาวนาจำเดิม
แต่ข่มนีวรณ์ได้ มีโคตรภูญาณเป็นที่สุด ชื่อว่าอุปจารภาวนา เพราะ
เที่ยวไปใกล้อัปปนา อุจอุปจารบ้านเป็นฉะนั้น ๆ ภาวนาที่ถึง
เป็นมหัคคตะ ชื่อว่าอัปปนาภาวนา เพราะเป็นประธานแห่งวิตกกล่าว
คืออัปปนาฯ วิตกชื่อว่าอัปปนา เพราะอรรถว่า เป็นไปดุจให้สัมปยุต
ธรรมแนบแน่นในอารมณ์ ฯ จริงอย่างนั้น วิตกนั้น พระผู้มีพระภาค
ทรงแสดงไขไว้ว่า อัปปนา พยัปปนา (ให้สัมปยุตธรรมแนบแน่น คือ
แนบแน่นวิเศษในอารมณ์) 1 ฌานธรรมที่เป็นมหัคคตะและอนุตตระ
แม้ทั้งหมด พระผู้มีพระภาคเจ้าก็ตรัสเรียกว่า อัปปนา ตามอำนาจ
ที่มีวิตานั้นเป็นประธานฯ นิมิตแห่งปริกรรม เพราะเป็นอารมณ์