ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค - อภิธัมมัตถสังคหบาลี และอภิธัมมัตถวิภาวีนีฎีกา - หน้าที่ 38
อิฏฐารมณ์และอิฏฐมัชฌัตตารมณ์ ฯ
ถามว่า ถ้าเช่นนั้น แม้ในสันตีรณะฝ่ายอกุศวิบาก ก็พึงมีความ
ต่างแห่งเวทนาได้ ด้วยสามารถแห่งอนิฏฐารมณ์และอนิฏฐมัชฌัตตารมณ์ ฯ
เฉลยว่า สันตีรณะฝ่ายอกุศลวิบากนี้ ท่านไม่พึงเห็นอย่างนั้น
เพราะโทมนัสแม้ที่จะพึงเกิดขึ้นในอนิฏฐารมณ์ เว้นปฏิฆะเสียแล้ว ก็
เกิดขึ้นไม่ได้ และเพราะ
ราะปฏิฆะที่มีสภาพเป็นอกุศลแท้ ๆ ไม่เกิดใน
พวกอัพยากฤต ฯ ด้วยว่า ธรรมที่มีชาติต่างกัน ย่อมไม่ได้ในธรรมที่มี
ชาติต่างกัน เพราะฉะนั้น โทมนัสจึงไม่มีในอกุศลวิบาก เพราะไม่มี
ปฏิฆะที่ควรแก่ความประกอบที่เสมอกับตน เพราะฉะนั้น ท่านอาจารย์
จึงไม่กล่าวความที่สันตีรณะฝ่ายอกุศลวิบากสหรคตด้วยโทมนัสนั้นไว้
อีกอย่างหนึ่ง บุรุษที่มีกำลังอ่อนแอบางคนถูกคนมีกำลังเบียดเบียน
ไม่อาจเพื่อจะโต้ตอบเขาได้ จำต้องวางเฉยในบุรุษนั้น ฉันใด ความ
เกิดขึ้นแห่งโทมนัส ไม่มีแม้ในอนิฏฐารมณ์ เพราะอกุศลวิบากเป็น
สภาพมีกำลังน้อย ฉันนั้นนั่นแล เพราะฉะนั้น สันตีรณะ จึงสหรคต
ด้วยอุเบกขาอย่างเดียว ฯ
แม้วิบากแห่งวิญญาณทั้ง ๒ ฝ่าย มีจักขุวิญญาณเป็นต้นทั้ง ๔
ก็สหรคตด้วยอุเบกขาทั้งในอนิฏฐารมณ์ ทั้งในอิฏฐารมณ์ เพราะความ
กระทบกันแห่งอารมณ์กับวัตถุ เป็นธรรมชาติมีกำลังทรามฯ จริงอยู่
จักขุเป็นต้น ที่เป็นวัตถุแห่งวิญญาณแม้ทั้ง ๔ อย่างนั้น เป็นอุปาทายรูป
แท้ฯ รูปเป็นต้นแม้ที่เป็นอารมณ์ก็เช่นนั้น ฯ การที่อุปทายรูปกับ
อุปาทายรูปกระทบกันมีกำลังน้อยยิ่งนัก ประดุจปุยนุ่นกับปุยนุ่นกระทบ