ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค - อภิธัมมัตถสังคหบาลี และอภิธัมมัตถวิภาวีนีฎีกา - หน้าที่ 198
อารมณ์ที่ตนถือเอาแล้วอย่างนั้น ในลำดับจุติจิตนั้นนั่นแล อันสังขาร
ซึ่งถูกอวิชชานิสัยห้อมล้อมแล้ว มีตัณหานุสัยเป็นมูลรากให้เกิดอยู่ตาม
สมควร อันสัมปยุตธรรมทั้งหลายประคับประคองไว้เป็นธรรมชาติถึง
ก่อน เพราะเป็นที่ตั้งแห่งธรรมที่เกิดร่วมกัน พอเกิดขึ้นเท่านั้น ก็ตั้ง
อยู่ในภพอื่น ๆ ก็เพราะชวนจิตทั้ง ๕ นั้นแล ที่เป็นไปอ่อน ในปฏิ
สนธิจิตนี้ บัณฑิตพึงแล้วได้ในวิถีที่ใกล้จะตาย เพราะฉะนั้น ถ้าเมื่อ
อารมณ์ที่เป็นปัจจุบันนั่นแล มาสู่คลองแล้วยังปรากฏอยู่เท่านั้น จึงมีการ
ตาย ฯ ทั้งปฏิสนธิและภวังค์มีอารมณ์เป็นปัจจุบัน ท่านย่อมได้ในเวลา
นั้น เพราะทำอธิบายไว้ดังนี้ กามาวจรปฏิสนธิ จึงได้มีอารมณ์เป็นปัจจุ
บันและอดีต ซึ่งเป็นกรรมนิมิตและคตินิมิตที่ทวาร ๖ ถือเอาฯ ส่วน
กรรมเป็นอดีตอย่างเดียว ฯ และกรรมนั้นอันมโนทวารถือเอาแล้วๆ ก็
อารมณ์เหล่านั้นแม้ทั้งหมด บัณฑิตพึงทราบว่า เป็นอารมณ์ที่เป็นกามา-
วจรธรรมทั้งนั้น ๆ ส่วนรูปาวจรปฏิสนธิ มีกรรมนิมิตที่เป็นบัญญัต
เท่านั้นเป็นอารมณ์ ฯ อนึ่ง อรูปปฏิสนธิ มีกรรมนิมิตที่เป็นมหัคคตะ
และบัญญัติเท่านั้นเป็นอารมณ์ตามสมควร ฯ แต่สำหรับพวกอสัญญีสัตว์
ชีวิตนวกะนั่นแลตั้งอยู่โดยความเป็นปฏิสนธิ เพราะฉะนั้น อสัญญีสัตว์
เหล่านั้น ชื่อว่ามีรูปเป็นปฏิสนธิ ฯ พวกอรูปสัตว์ มีอรูปเป็นปฏิสนธิ ฯ
ที่เหลือนอกนั้น มีทั้งรูปและอรูปเป็นปฏิสนธิ ฯ
[สังคหคาถา]
ก็อรูปปฏิสนธิทั้งหลาย เว้นอรูปชั้นต่ำ
ย่อมมีต่อจากอรูปจุติ ส่วนพวกติเหตุก