ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค - อภิธัมมัตถสังคหบาลี และอภิธัมมัตถวิภาวีนีฎีกา - หน้าที่ 119
[จิตกับเจตสิกประกอบกัน]
การสงเคราะห์เวทนา มีสุขเวทนาเป็นต้น และจิตตุปบาทที่
สหรคตด้วยเวทนามีสุขเป็นต้นนั้น ด้วยสามารถแห่งการจำแนก ชื่อว่า
เวทนาสังคหะฯ เวทนาอื่นจากสุขและทุกข์ ชื่อว่าอทุกขมสุข ด้วย
สามารถสนธิกิริโยปกรณ์ ลงม อาคมฯ ถามว่า ก็เวทนามี ๒ เท่านั้น
โดยบาลีว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เวทนาเหล่านี้มี ๒ คือ สุข ๑
ทุกข์ ๑ มิใช่หรือ ฯ แก้ว่า จริง แต่คำนั้นพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัส
สงเคราะห์อทุกขมสุขที่เป็นไปในฝ่ายอนวัชชะเข้าในสุขเวทนา และ
อทุกขมสุขที่เป็นไปในฝ่ายสาวัชชะเข้าในทุกขเวทนาฯ แม้คำในพระ
สูตรบางแห่งที่ว่า การเสวยอารมณ์อย่างใดอย่างหนึ่งนี้เป็นทุกข์ ใน
“ที่นี้ ดังนี้ พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัส เพราะความที่เวทนาทั้งปวงมีทุกข์
เป็นสภาพ โดยความที่สังขารเป็นทุกข์ฯ เหมือนอย่างที่พระผู้มีพระภาค
ตรัสไว้ว่า ดูก่อนอานนท์ คำที่ว่า การเสวยอารมณ์อย่างใดอย่างหนึ่ง
นี้เป็นทุกข์ ในที่นี้ เรากล่าวหมายเอาความที่สังขารเป็นของไม่เที่ยง
และความที่สังขารเป็นธรรมชาติแปรปรวน ๆ เพราะเหตุนั้น จึงเห็นว่า
เวทนามี ๓ เท่านั้น ฯ เพราะฉะนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงตรัสว่า ดู
ก่อนภิกษุทั้งหลาย เวทนาเหล่านี้มี ๓ คือ สุข ทุกข์ และมิใช่สุข
ไม่ใช่ทุกข์ (อุเบกขา) ฯ ก็เวทนาเหล่านั้น แม้มี ๓ อย่างดังพรรณนา
มานี้ พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงไว้ในอินทรีย์เทศนา โดย ๕ อย่าง
คือ สุขินทรีย์ ทุกขินทรีย์ โสมนัสสินทรีย์ โทมนัสสินทรีย์ อุเบกขินทรีย์
๑. นัย. สฬา. ๑๘/๒๖๘, ๒. สํ. สฬา. ๑๘/๒๕๕.