ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค - อภิธัมมัตถสังคหบาลี และอภิธัมมัตถวิภาวีนีฎีกา - หน้าที่ 423
สามารถที่อยู่โดยเป็นอารมณ์ ในการสืบต่อสันตติชาติภพของตน ชื่อว่า
ปุพเพนิวาสานุสสติ ๆ จักษุนั้นด้วย เป็นทิพย์ด้วย โดยนัยดังที่กล่าว
แล้ว เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่าทิพยจักษุ ฯ ก็ทิพยจักษุนั้นแล บัณฑิต
เรียกว่าจุตูปปาตญาณ ฯ แม้ยถากัมมูปคญาณ และอนาคตังสญาณ ก็ย่อม
สำเร็จด้วยอำนาจทิพยจักษุนั่นเอง ฯ จริงอยู่ ยถากัมมูปคญาณและ
อนาคตังสญาณเหล่านั้น ไม่มีบริกรรมแผนกหนึ่ง ๆ ในญาณทั้ง ๒
นั้น อนาคตังสญาณมีจิตและเจตสิกที่เป็นไปต่อจาก 5 วันในอนาคต
เป็นอารมณ์ก่อน และมีธรรมชาติอย่างใดอย่างหนึ่ง ซึ่งเป็นไปจำเดิม
แต่วันที่ ๒ (จาก ๒ วันนั้น) เป็นอารมณ์ ฯ แท้จริง อนาคตังส
ญาณนั้น ท่านอาจารย์กล่าวว่า มีคติเหมือนคติแห่งสัพพัญญุตญาณใน
อารมณ์ของตน ฯ ส่วนยถากัมมูปคญาณ บัณฑิตพึงเห็นว่า มีเจตนา
กล่าวคือกุศลและอกุศล หรือขันธ์แม้ทั้ง ๔ เป็นอารมณ์ ฯ ความต่าง
กันโดยอำนาจแห่งอารมณ์ ชื่อว่าโคจรเภท ฯ
จบนัยที่กล่าวไว้ในสมถกรรมฐาน ฯ
[อธิบายวิปัสสนากรรมฐาน]
મૈં
ธรรมชาติที่ชื่อว่าวิปัสสนา เพราะอรรถว่า เห็นโดยอาการต่าง ๆ
ด้วยอำนาจลักษณะมีอนิจจลักษณะเป็นต้น ได้แก่ภาวนาปัญญามีอนิจจา
นุปัสสนา (การตามเห็นว่าไม่เที่ยง) เป็นต้น ฯ ที่ตั้งของกรรม
(คือการบำเพ็ญ) ของวิปัสสนานั้น หรือวิปัสสนานั้นนั่นเอง เป็น
กรรมฐาน เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่าวิปัสสนากรรมฐาน ฯ ในวิปัสสนา
ન