ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค - อภิธัมมัตถสังคหบาลี และอภิธัมมัตถวิภาวีนีฎีกา - หน้าที่ 225
ย่อมมีด้วยโทสมูลจิต (คือด้วยจิตมีโทสะเป็นมูล) 1 การริบราชบาตร
ของพระราชาทั้งหลาย ผู้ทรงริบทรัพย์ของคนอื่น เพื่อปราบคนชั่ว
ตามกำหนดกฎหมาย และอทินนาทานของพวกพราหมณ์ ผู้กล่าวคำ
เป็นต้นว่า "ทรัพย์นี้ทั้งหมด พระราชาพระราชาทานแก่พวกพราหมณ์
બૈ
แต่เพราะพราหมณ์เหล่านั้นทุพพลภาพโดยประการทั้งปวง ชนเหล่าอื่น
จึงใช้สอยได้ พวกพราหมณ์ ย่อมใช้สอยของ ๆ ตนแท้ทีเดียว"
แล้วนำเอาสิ่งของอย่างใดอย่างหนึ่งไป ด้วยความสำคัญว่า เป็นของ
ของตนๆ เท่านั้น และอทินนาทานของเหล่าชนผู้ชอบคัดค้านความ
สัมพันธ์กันแห่งกรรมและผลของกรรม ย่อมมีด้วยโมหมูลจิตฯ แม้ใน
มุสาวาทเป็นต้น บัณฑิตพึงประกอบคำตามสมควรอย่างนั้นฯ ท่าน
อาจารย์ทำในใจว่า "กามาวจรกุศลนั้น แม้เมื่อจะเกิดขึ้นในอารมณ์
ทั้ง 5 ด้วยอำนาจแห่งกรรม ๓ อย่าง (คือ กายกรรม วจีกรรม
และมโนกรรม) ก็ย่อมเกิดขึ้นด้วยความนิยม ๓ อย่าง (คือ ทาน ศีล
และภาวนา)" ดังนี้ จึงกล่าวว่า "อนึ่ง กามาวจรกุศล ย่อมมี ๓ อย่าง
ด้วยอำนาจแห่งทาน ศีล และภาวนา" ฯ จริงอยู่ บรรดาบุญกิริยาวัตถุ
ที่ท่านแสดงไว้ ๑๐ อย่าง บุญกิริยาวัตถุ ๒ อย่าง (คือ ปัตติทานมัย
และปัตตานุโมทนามัย) อีก ๒ อย่าง (คือ อปจายนมัย เวยยาวัจจมัย)
และ ๓ อย่าง (คือ ธัมมเทสนามัย ธัมมัสสวนมัย และทิฏฐชุกรรม)
(รวม ๒ อย่างนี้) สงเคราะห์เข้าในกรรม ๓ อย่าง มีทานและศีลเป็น
ต้นตามลำดับ ๆ ก็เหตุในการสงเคราะห์นี้ ข้าพเจ้าจักกล่าวข้างหน้าฯ
ส่วนการประกอบความเป็นไปแห่งบุญกิริยาวัตถุเหล่านั้น ในอารมณ์ 6
ค