ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค - อภิธัมมัตถสังคหบาลี และอภิธัมมัตถวิภาวีนีฎีกา - หน้าที่ 337
ส่วนรูปที่ทรงแสดงไว้ในอุปาทานักขันธ์ โดยเป็นที่ตั้งแห่งอุปาทาน
และโดยอำนาจแห่งราศี ฯ
[อธิบายอายตนะ]
จิตและเจตสิกมีทวารและอารมณ์นั้น ๆ ย่อมสืบต่อ คือย่อม
พากเพียร ได้แก่ย่อมพยายามโดยกิจนั้น ๆ ที่จักษุและรูปเป็นต้นนี้
เพราะฉะนั้น จักขุและรูปเป็นต้นนี้ จึงชื่อว่าอายตนะ อนึ่ง จักษุ
และรูปเป็นต้นนี้ ย่อมแผ่ คือขยาย ธรรมเหล่านั้น ซึ่งเป็นสิ่งที่มา
ดำเนินกิจให้กว้างขวางออกไป อนึ่ง จักษุและรูปเป็นต้นนี้ ย่อมนำ
สังขารทุกข์ที่ยืดยาวไป คือให้ดำเนินต่อไป เพราะฉะนั้น จักษุและรูป
เป็นต้นนี้ จึงชื่อว่าอายตนะ อนึ่ง ชื่อว่าอายตนะ ก็เพราะอรรถว่า
เป็นเหตุแห่งวิญญาณมีจักขุวิญญาณเป็นต้น ๆ อีกนัยหนึ่ง ทางโลก
สถานที่อยู่อาศัย บ่อเกิด ที่ประชุม และที่เกิด เขาก็เรียกกันว่า
อายตนะ ฯ เพราะฉะนั้น จักษุเป็นต้น แม้เหล่านี้ ชื่อว่าอายตนะ
เพราะเป็นสถานที่อยู่อาศัยแห่งวิญญาณมีจักขุวิญญาณเป็นต้น ซึ่งเป็นไป
ในทวารนั้น ๆ และมีอารมณ์นั้น ๆ เพราะเป็นสถานบ่อเกิดแห่งจักขุ
วิญญาณเป็นต้นนั้นนั่นแล ซึ่งเป็นไปอยู่โดยดาษอื่น เพราะเป็นสถานที่
ประชุมแห่งจักขุวิญญาณเป็นต้น ซึ่งประชุมกันตามทวารและอาลัมพนะ
และเพราะเป็นสถานที่เกิดของจักขุวิญญาณเป็นต้นนั้น ซึ่งเกิดอยู่ในทวาร
และอาลัมพนะนั้นนั่นแล ฯ แต่อายตนะเหล่านั้นมี ๑๒ อย่าง คือ
อายตนะที่เป็นภายใน ซึ่งเป็นทวารมี 5 อย่าง ที่เป็นภายนอก
ซึ่งเป็นอารมณ์ มี 5 อย่าง เพราะฉะนั้น ท่านอาจารย์จึงกล่าวคำมี