ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค - อภิธัมมัตถสังคหบาลี และอภิธัมมัตถวิภาวีนีฎีกา - หน้าที่ 42
แห่งอารมณ์ที่ได้เห็น ได้ยิน และได้รู้เป็นต้น หรือน้อมจิตสันดานไป
โดยนัยดังที่กล่าวแล้วนั่นแล ได้แก่จิตที่สหรคตด้วยอุเบกขาฝ่ายกิริยา
อเหตุกมโนวิญญาณธาตุฯ
ก็มโนทวาราวัชชนะจิตนี้นั่นแล ท่านเรียกว่า โวฏฐัพพนจิต
เพราะอรรถว่า กำหนดอารมณ์ตามที่ใคร่ครวญแล้ว (ตามที่สอบสวน
แล้ว) ในทวารทั้ง ๕ ฯ
จิตที่ชื่อว่าหสิตุปบาท เพราะอรรถว่า ให้เกิดความยิ้มแย้ม ได้แก่
จิตที่สหรคตด้วยโสมนัสฝ่ายกิริยาอเหตุกมโนวิญญาณธาตุ ซึ่งมีเหตุเพียง
อาการร่างเริงในอารมณ์ที่ไม่โอฬาร แห่งพระขีณาสพทั้งหลาย ฯ
บทว่า สพฺพถาปิ ได้แก่ โดยความต่างแห่งอกุศลวิบาก กุศล-
วิบาก และกิริยา ฯ
แล้วฯ
ศัพท์ว่า อฏฺฐารส เป็นการกำาหนดด้วยการคำนวณ ฯ
บทว่า อเหตุกจิตตฺานิ เป็นการแสดงขยายธรรมที่กำหนดไว้
อเหตุกวรรณนา จบ ฯ
[อธิบายกามาวจรกุศลจิต]
ท่านอาจารย์ครั้นแสดงจิต ๓๐ ถ้วน ด้วยสามารถแห่งอกุศลจิต
๑๒ ดวง อเหตุกจิต ๑๘ ดวง ด้วยประการอย่างนี้แล้ว บัดนี้ เพื่อ
จะตั้งชื่อจิตที่พ้นไปจากจิตเหล่านั้นว่า โสภณะ จึงกล่าวคำมีอาทิว่า
ปาปาเหตุกมุตฺตานิ ดังนี้ ฯ
จิตอันพ้นจากจิตที่ชื่อว่าปาปะ เพราะ
พราะให้บุคคลที่ถูกครอบงำ