ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค - อภิธัมมัตถสังคหบาลี และอภิธัมมัตถวิภาวีนีฎีกา - หน้าที่ 243
[อธิบายปฐมฌานมีอารมณ์เล็กน้อยเป็นต้น]
ฌานที่ชื่อว่าปริตตะ เพราะอรรถว่า มีอานุภาพน้อย ดุจถูกตัด
ถูกปั่นทอนรอนด้านฯ ที่ชื่อว่าปณีตะ เพราะอรรถว่า ถึงความเป็น
ฌานดีเลิศฯ ฌานที่มีในท่ามกลางแห่งฌานทั้ง ๒ ชื่อว่ามัชฌิมะ ฯ
ท่านพุทธโฆษาจารย์กล่าวไว้ในอรรถกถา โดยไม่แปลกกันเลยว่า
"บรรดาฌานทั้ง ๓ นั้น ฌานที่สักว่าได้แล้ว ยังไม่เสพคุ้น ชื่อว่า
ปริตตฌาน" ฯ อนึ่ง ท่านกล่าวว่า "ฌานที่เจริญยังไม่ดีนัก มีวสี
ภาพนังไม่บริบูรณ์ ชื่อว่ามัชฌินฌาน แต่ที่เจริญดังอย่างยิ่ง มีวสีภาพ
บริบูรณ์โดยครบถ้วน ชื่อว่าปณีตฌาน" ฯ มีคำชี้แจงว่า "ก็ในที่นี้
ท่านอาจารย์ประสงค์เอาแม้ปริตตฌาน ที่ได้ความเสพคุ้นนิดหน่อย
เท่านั้น" ฯ จริงอย่างนั้น ในนามรูปปริเฉท ท่านอนุรุทธาจารย์นี้
ๆ
กล่าวถึงมหัคคตธรรมให้วิบาก เพราะเป็นธรรมมีกำลัง โดยได้ความ
เสพคุ้นจากธรรมที่มีภูมิเสมอกัน แล้วกล่าวถึงอภิญญาไม่เผล็ดผล
เพราะไม่มีการได้ความเสพคุ้นจากธรรมที่มีภูมิเสมอกันนั้นว่า
"เมื่อมหัคคตกุศลได้อาเสวนะ (การเสพ
คุ้น) จากธรรมที่เสมอกัน ทั้งมีกำลังมาก
มหัคคตกุศลจึงเผล็ดผล ส่วนอภิญญาไม่
ได้เหตุเช่นนั้น จึงไม่เผล็ดผล" ฯ
อีกอย่างหนึ่ง ฌานที่บุคคลให้เกิดด้วยฉันทะ วิริยะ จิตตะ วิมังสา
ที่เลว ชื่อว่าปริตตฌาน ฌานที่บุคคลให้เกิดด้วยฉันทะเป็นต้นที่