ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค - อภิธัมมัตถสังคหบาลี และอภิธัมมัตถวิภาวีนีฎีกา - หน้าที่ 24
จิตนั้นชื่อว่ากามาวจร เพราะอรรถว่า เป็นที่
ท่องเที่ยวแห่งกาม หรือท่องเที่ยวในกาม
หรือแม้โดยฐานูปจาร ฯ พึงเห็นนัยแม้ใน
รูปวจรจิต และอรูปาวจรจิต ตามควรเช่น
เดียวกัน ฯ
จิตที่ชื่อว่า โลกุตตระ เพราะอรรถว่า ข้ามขึ้นจากโลก กล่าวคือ
อุปาทานขันธ์ โดยที่ไม่มีอาสวะ ได้แก่มรรคจิต ฯ ส่วนผลจิต ชื่อว่า
โลกุตตระ เพราะอรรถว่า ข้ามขึ้นแล้วจากโลกนั้น ๆ อีกนัยหนึ่ง
แม้มรรคจิตและผลจิตทั้ง ๒ กับนิพพาน ชื่อว่าโลกุตตระ เพราะ
อรรถว่า เหนือว่า คือยิ่งกว่าโลก ด้วยอำนาจแห่งคุณตามที่กล่าวแล้ว
นั่นแลฯ
ก็ในบรรดาจิต ๔ ภูมิเหล่านี้ แม้ในเมื่อกามาวจรจิตมีถึง ๔ อย่าง
โดยต่างแห่งกุศลจิต อกุศลจิต วิบากจิต และกิริยาจิต ท่านพระอนุ
รุทธาจารย์ เมื่อจะแสดงเฉพาะปาปจิต (อกุศลจิต) และอเหตุจิตก่อน
โดยอนุรูปแก่นัยที่ท่านจะกล่าวอยู่อย่างนี้ว่า จิตทั้งหลาย ที่พ้นจากบาป-
จิตและอเหตุกจิต เรียกว่า โสภณจิต เพื่อตั้งชื่อจิต ๕๕ ดวง หรือ
๕๑ ดวง เว้นปาปจิตและอเหตุกจิต โดยนามว่าโสภณจิต จึงจำแนก
แสดงโลภมูลจิตไว้ ๘ อย่าง โดยต่างแห่งเวทนา ทิฏฐิ และสังขาร
ก่อน ด้วยคำมีว่า โสมนสฺสสหคติ เป็นอาทิ ก็เพื่อจะแสดงโกล
สหคตจิตเหล่านั้นแลก่อน เพราะในบรรดาปาปจิตและอเหตุจิตเหล่า
นั้น เฉพาะเหล่าจิตตุปบาทที่สหรคตด้วยโลภะ ในชั้นต้นเกิดแก่สัตว์