ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค - อภิธัมมัตถสังคหบาลี และอภิธัมมัตถวิภาวีนีฎีกา - หน้าที่ 242
ในคาถานี้ อธิบายดังนี้ว่า "ความต่างแห่งวิบากที่เป็นสสังขาร
(คือวิบากที่มีความปรุงแต่ง) ตามที่มาอย่างนี้ คือ อสังขารกุศล มี
วิบากเป็นอสังขาริกเท่านั้น ไม่เป็นสสังขาร เปรียบเหมือนเมื่อหน้าไหว
เงาหน้าในพื้นกระจกก็ไหวฉะนั้น "ฯ แต่เพราะพระอนุรุทธาจารย์
ปรารถนาความต่างแห่งวิบากที่เป็นสังขาร ด้วยอำนาจปัจจัย ไม่ใช่ด้วย
อำนาจกรรม ฉะนั้น วาทะว่า "อสุขาร์ สสงฺขารวิปากานิ" เป็นต้น
นี้ ท่านพระอนุรุทธาจารย์จึงจัดไว้เป็นวาทะของอาจารย์บางพวก ฯ
บทว่า เตสํ คือ ของพระเถระทั้งหลายเหล่านั้น ผู้มีวาทะ
อย่างนี้ ฯ
บทว่า ยถากุกม คือ ตามลำดับแห่งวิบากมีติเหตุกวิบากอย่าง
อุกฤษฏ์เป็นต้น ฯ
สองบทว่า ทุวาทส วิปากาน ความว่า บัณฑิตพึงแสดง
วิบาก ๑๒ ที่เว้นสสังขาริกวิบาก ๔ และที่เว้นอสังขาริกวิบาก ๔ ตาม
ลำดับ ด้วยอำนาจแห่งอสังขารึกกรรม และสสังขาริกกรรมที่เป็น
ติเหตุกะอย่างอุกฤษฎ์ อนึ่ง จึงแสดงวิบาก ๑๐ ที่เว้นทวิเหตุกสสัง
ขาริกวิบากทั้งคู่ และที่เว้นทวิเหตุกอสังขาริกวิบากทั้งคู่ ด้วยอำนาจ
แห่งกรรมที่เป็นติเหตุกะอย่างเพลา (อย่างต่ำ) และที่เป็นทวิเหตุกะ
อย่างอุกฤษฎ์ และวิบาก ๘ ที่เว้นทุเหตุกวิบากทั้งคู่ ด้วยอำนาจแห่ง
กรรมที่เป็นทุเหตุกะอย่างเพลา ตามสมควร คือโดยอนุรูปแก่ความ
เหมาะสมแห่งนัยนั้น ๆ ตามทำนอง คือตามแนวแห่งนัยดังที่กล่าวแล้ว
คือแห่งนัยที่กล่าวไว้โดยคำเป็นต้นว่า "ติเหตุกมุกกฏฐิ" ฯ