ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค - อภิธัมมัตถสังคหบาลี และอภิธัมมัตถวิภาวินีฎีกา - หน้าที่ 86
เป็นไปด้วยอำนาจการสละทานวัตถุ (สิ่งของที่จะให้) มีความต้องการ
ด้วยมานวัตถุที่จะพึงสละนั้นทีเดียว เหมือนนายขมังธนูมีความต้องการ
จับลูกศรที่จะต้องยิงไปฉะนั้น ๆ
เจตสิกที่กระจาย คือแพร่กระจายทั่วไปในโสภณจิตและอโสภณจิต
อื่นจากโสภณจิตนั้น เพราะฉะนั้น เจตสิกเหล่านั้น จึงชื่อว่าปกิณณกะ ฯ
โดยเพ่งถึงโสภณเจตสิก อโสภณเจตสิกนอกนี้ ก็ชื่อว่าอัญญะ (อื่น)
และโดยเพ่งถึงอโสภณเจตสิกนอกนี้ โสภณเจตสิก ก็ชื่อว่าอัญญะ (อื่น) ฯ
เจตสิกที่มีแก่โสภณจิตและอโสภณจิตเหล่านั้น ชื่อว่าสาธารณา เจตสิก
เหล่านี้ ไม่มีสภาพเป็นอกุศลเป็นต้นอย่างเดียว ดุจอุทธัจจะเป็นต้นและ
สัทธาเป็นต้น เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่า อัญญสมานเจตสิก ฯ ท่าน
อาจารย์ครั้นแสดงไขธรรม ๑๓ ซึ่งมีสภาพเป็นโสภณเจตสิกและอโสภณ
เจตสิกนอกนี้ ด้วยอำนาจเจตสิกที่ทั่วไปแก่จิตทุกด้วย แล้วด้วยอำนาจ
ปกิณณกเจตสิก อย่างนี้ก่อนแล้ว บัดนี้ เพื่อจะแสดงธรรมที่นับเนื่อง
ในอกุศลโดยลำดับที่แสดงไฟในจิตวิภาคในหนหลัง และธรรมที่นับเนื่อง
ในโสภณธรรม จากธรรมที่นับเนื่องในอกุศลนั้นก่อน จึงกล่าวคำ
เป็นต้นว่า โมโห ดังนี้
ભૈ
[อธิบายอกุศลเจตสิก]
แต่ว่า ในอเหตุกจิตไม่มีธรรมแผนกหนึ่งต่างหาก เพราะฉะนั้น
ท่านอาจารย์จึงไม่กล่าวอเหตุเจตสิกเหล่านั้นไว้ฯ สภาพที่ชื่อว่าโมหะ
เพราะอรรถว่า งมงายในอารมณ์ ได้แก่ความไม่รู้ฯ โมหะนั้นมี
ความปิดบังสาภพของอารมณ์เป็นลักษณะ ฯ จริงอยู่ โมหะนี้ถึงจะเป็นไป