ข้อความต้นฉบับในหน้า
เป็นเครื่องสำรอกกาม
ประโยค - อภิธัมมัตถสังคหบาลี และอภิธัมมัตถวิภาวีนีฎีกา - หน้าที่ 238
ไม่ประกอบด้วยการยังวิญญาณอันเป็นวิสัยแห่ง
กามตัณหาให้เกิด และเหตุที่กุศลจิตฝ่ายมหัคคตะและโลกุตตระมีผล
แม้นกันโดยส่วนเดียว เพราะฉะนั้น ท่านอาจารย์จึงกล่าวคำมีอาทิว่า
"สพฺพตฺถาปิ กามโลเก" ฯ ท่านอาจารย์กล่าวคำว่า "ตตฺถาปิ"
เป็นต้น เพื่อจะแสดงว่า "ก็กรรมเมื่อให้ผลอยู่อย่างนั้น ย่อมให้ผล
อย่างด้วยอำนาจแห่งวิบากมีปริมาณ ๑๖, ๑๒ และ ๔ "
ค
บทว่า ตตฺถาปิ คือ ในกุศลกรรม แม้ที่ให้ผลอยู่อย่างนั้น ๆ
บทว่า อุกกฏฐ์ ได้แก่ กุศลกรรมที่วิเศษ เพราะได้กุศลเป็น
บริวาร หรือเพราะความเป็นไปแห่งการเสพคุ้นในภายหลังฯ จริงอยู่
กรรมที่กุศลกรรมซึ่งเป็นไปก่อนและภายหลังห้อมล้อมแล้ว ในเวลาที่ตน
เป็นไปหรือสั่งสมบ่อย ๆ โดยได้การเสพคุ้นในภายหลัง ชื่อว่าอุกฤษฎ์ฯ
ส่วนกรรมที่ถูกอกุศลกรรมห้อมล้อมแล้ว ในเวลาทำหรือในภายหลังถูก
ส่งเสริม โดยการให้เกิดความเดือดร้อนว่า "เราได้ทำกรรมชั่วนี้แล้ว"
พึงเห็นว่า "ต่ำทราม" ฯ
บทว่า ปฏิสนธิ คือ ให้ปฏิสนธิครั้งเดียวเท่านั้น ฯ แท้จริง
ด้วยกรรมครั้งเดียว หามีปฏิสนธิได้ในหลาย ๆ ชาติไม่ ๆ แต่ว่าวิบาก
ในปวัติกาล ย่อมมีได้ร้อยชาติบ้าง พันชาติบ้าง ฯ สมดังที่พระผู้มี
พระภาคตรัสไว้ว่า "ทักษิณา อันบุคคลให้ทานในสัตว์เดียรัจฉาน
พึงหวังอานิสงส์ได้ร้อยเท่า"" ฯ
๑. ม. อุปริ. ๑๔/๔๕๕