ข้อความต้นฉบับในหน้า
1
ประโยค - อภิธัมมัตถสังคหบาลี และอภิธัมมัตถวิภาวีนีฎีกา - หน้าที่ 430
ปัคคหะ กล่าวคือวิริยสัมโพชฌงค์ ที่ยังกิจแห่งสัมมัปปธานให้สำเร็จ ๑
ความสุขที่ประณีตยิ่ง ๑ ญาณที่เป็นวิปัสสนาเป็นไปในไตรลักษณ์
เป็นเช่นกับด้วยวชิระ (คือสายฟ้า) ที่พระอินทร์ฟาดลงมา ๑ สติ
กล่าวคืออุปัฏฐานะ ซึ่งเป็นสติปัฏฐาน สามารถตามระลึกถึงกิจที่
กระทำแล้วนาม ๆ เป็นต้นได้ ๑ อุเบกขา แม้ทั้ง ๒ คือ ตัตรมัชฌัตตุ
เปกขา ที่เป็นอุเบกขาสัมโพชฌงค์ เกิดร่วมกับวิปัสสนาที่เป็นไปสม่ำ
เสมอ และอาวัชชนุเปกขา ในมโนทวาร ๑ เมื่อวิปัสสนูปกิเลส 8
อย่าง มีโอกาสเป็นต้นดังกล่าวมานี้เกิดขึ้นแล้ว รูปนิกันติ (ความ
พอใจในรูป) ซึ่งเป็นตัณหาอย่างละเอียด กระทำความอาลัยใน
โอภาสเป็นต้นนั้น โดยนัยเป็นต้นว่า โอภาสเห็นปานนี้ไม่เคยเกิดขึ้น
แก่เราในกาลก่อนแต่นี้เลยดังนี้อีก ๑ ก็ไม่ทึกทักเอาว่า โอภาสเป็นต้น
เห็นปานนี้ ไม่เคยเกิดขึ้นแก่เราเลย เราจะเป็นผู้ได้บรรลุมรรคผล
แน่นอนแล้ว ดังนี้ กำหนด คือวินิจฉัยลักษะคือมรรคอย่างนี้ว่า
โอภาสเป็นต้นเหล่านี้ไม่ใช่มรรค เพราะเป็นเหตุที่ตั้งแห่งตัณหาและ
มานะ โดยที่แท้ ก็คือตัววิปัสสนูปกิเสสนั่นเอง แต่วิปัสสนาญาณที่
ดำเนินไปสู่วิถีที่พ้นจากวิปัสสนูปกิเลสมีโอภาสเป็นต้นนั้น จึงจะเป็น
มรรค ชื่อว่ามัคคามัคคญาณทัสสนาวิสุทธิ เพราะรู้ คือเพราะเห็น
ทางและมิใช่ทาง และเพราะชำระความสำคัญผิดในที่มิใช่ทางว่าเป็น
ทางให้หมดจดฯ
[อธิบายปฏิปทาญาณทัสสนวิสุทธิ
บทว่า ยาวานโลมา คือ จนถึงสัจจานุโลมญาณ ฯ สองบทว่า