ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค - อภิธัมมัตถสังคหบาลี และอภิธัมมัตถวิภาวีนีฎีกา - หน้าที่ 380
เหตุแก่ความเป็นไปแห่งสันดาน เพราะฉะนั้น จึงไม่มีความผิดอะไร ๆ ๆ
พระอนุรุทธาจารย์กล่าวคำว่า ฉ วตฺถุน ปวตฺติย์ ดังนี้ไว้ ก็เพราะวัตถุ
มีจักขุเป็นต้น ยังไม่เกิดในปฏิสนธิกาล และเพราะเมื่อมีการเกิด ก็ไม่
เข้าถึงความเป็นปัจจัยแก่วิญญาณนั้น ๆ และเพราะหทัยวัตถุซึ่งเกิดพร้อม
กับปฏิสนธิวิญญาณ เป็นวัตถุที่เกิดก่อนไม่มี ๆ ก็ท่านอาจารย์หมายเอา
นัยที่มาแล้วในอารัมมณปุเรชาตนิเทศ จึงกล่าวคำนี้ว่า ปญฺจาลมุพนานิ
ปญฺจวิญญาณวีถิยา ฯ
ถึงแม้ธรรมารมณ์อันเป็นอารัมมณปุเรชาตปัจจัย อันบัณฑิตย่อม
ได้ทางมโนวิญญาณวิถี เพราะแม้วัตถุมีจักขุที่เป็นปัจจุบันเป็นต้น ท่าน
ถือเอาแล้วในปัญหาวาร โดยไม่พิเศษด้วยนัยเป็นต้นว่า พระเสขะหรือ
ปุถุชน ย่อมเห็นแจ้งจักษุ โดยความไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา ฯ
แท้จริง คำที่ว่า อารมณ์ซึ่งเป็นปัจจุบัน ที่วิถีเป็นไปทางมโนทวารถือ
เอาแล้วเป็นไป ย่อมเป็นอารัมมณปุเรชาตปัจจัยแก่วิถีทางมโนทวารนั้น
ดังนี้นั่น สำเร็จแล้วแม้โดยอธิบาย ๆ
ન
อุปนิสัยโดยปกตินั่นเอง คือโดยสภาพของตนจริง ๆ เว้นจาก
ปัจจัยอื่น ชื่อปกตูปนิสัย ฯ มีคำอธิบายที่ท่านกล่าวไว้ว่า อุปนิสัยกลาง
อย่างแผนกหนึ่งต่างหาก ไม่ระคนปนกันอารัมมณปัจจัยอื่น ๆ ๆ อีก
อย่างหนึ่ง อุปนิสัยตามปกติ ชื่อปกตูนิสัย ฯ ก็ ป อักษร ในคำว่า
ปกโต นี้ เป็นอุปสรรคฯ ป อักษร นั้น ย่อมส่องแสดงความเป็น
ธรรมอันบุคคลพึงให้สำเร็จในสันดาน และความเป็นธรรมอันบุคคลพึง
ન
เสพ โดยความเป็นธรรมสามารถในการยังผลของตนให้เกิดฯ เพราะ -