ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค - อภิธัมมัตถสังคหบาลี และอภิธัมมัตถวิภาวีนีฎีกา - หน้าที่ 234
ทั้งหลาย พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้แล้วในหมวดธรรมอันทัสสนะ
พึงละ อย่างนี้ว่า "ราคะ โทสะ โมหะ และกิเลสที่รวมอยู่แห่งเดียว
กันกับราคะเป็นต้นนั้น ยังสัตว์ให้ไปสู่อบาย ? " แก้ว่า "คำนั้นไม่พึง
เป็นได้ เพราะพระผู้มีพระภาคตรัสเจตนากรรมที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ
นั้น โดยความเป็นธรรมอันภาวนาพึงละโดยส่วนเดียว" ฯ สมจริงดังที่
พระองค์ตรัสไว้ว่า "ธรรมเหล่าไหน อันภาวนาจึงละ ธรรมเหล่านี้
คือ จิตตุปบาทที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ ชื่อว่าอันภาวนาพึงละ" ดังนี้
เป็นต้น ฯ เพราะเหตุที่ตรัสไว้เช่นนั้น การที่ไม่ตรัสไว้ในหมวดธรรม
อันทัสสนะพึงละนั่นแล ทำให้สำเร็จความว่า จิตตุปบาทที่สหรคตด้วย
อุทธัจจะนี้ ไม่ให้ปฏิสนธิ ฯ มีคำท้วงเข้ามามาว่า "ก็ในปฏิสัมภิทาวิภังค์
พระผู้มีพระภาคทางยกจิตตุปบาทที่สหรคตด้วยอุทธัจจะขึ้น แล้วทรงยก
แม้วิบากแห่งจิตตุปบาทที่สหรคตด้วยอุทธัจจะนั้นขึ้นไว้ อย่างนี้ว่า "ใน
สมัยใด อกุศลจิตที่สหรคตด้วยอุเบกขา สัมปยุตด้วยอุทธัจจะ ปรารภ
อารมณ์ คือ รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ ธรรมารมณ์ หรือ
อารมณ์ใด ๆ เกิดขึ้นแล้ว ในสมัยนั้น ผัสสะ เวทนา สัญญา เจตนา
จิต ความไม่ฟุ้งซ่าน ย่อมมี ธรรมเหล่านี้ ชื่อว่ากุศล ญาณที่เป็น
ไปในธรรมเหล่านี้ ชื่อว่าธัมมปฏิสัมภิทา ญาณที่เป็นไปในวิบาก
แห่งธรรมเหล่านั้น ชื่อว่าธัมมปฏิสัมภิทา" ดังนี้เป็นต้น มิใช่หรือ
เพราะฉะนั้น พวกท่านจะพึงรับรองว่า จิตตุปบาทที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ
นั้น ไม่ให้ปฏิสนธิอย่างไรได้ ? " แก้ว่า "วิบากแห่งจิตตุปบาทที่
๑. อภ. วิภงฺค. ๒๕/๔๐๔
ๆๆ