อภิธัมมัตถสังคหบาลี และอภิธัมมัตถวิภาวีนีฎีกา - หน้าที่ 373 อภิธัมมัตถสังคหบาลี และอภิธัมมัตถวิภาวีนีฎีกา หน้า 373
หน้าที่ 373 / 442

สรุปเนื้อหา

ในหน้านี้ของอภิธัมมัตถสังคหบาลี กล่าวถึงบทบาทของปัจฉาชาตปัจจัยซึ่งเป็นธรรมที่เกิดขึ้นภายหลังเพื่ออุปการะแก่ร่างกายที่ยังไม่ได้ตั้งอยู่ ความสำคัญของกุศลและเจตนาในการรับรู้ความต้องการต่างๆ ของจิต และความสัมพันธ์ระหว่างจิตและเจตสิกที่เป็นเครื่องอุปการะแก่นามรูปที่เกิดร่วมกัน พร้อมทั้งการอธิบายเกี่ยวกับอาเสวนปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อคุณภาพของธรรมต่างๆ ในบริบทของอภิธรรม.

หัวข้อประเด็น

-ปัจฉาชาตปัจจัย
-อาเสวนะ
-กุศล
-จิต
-เจตสิก
-นามรูป

ข้อความต้นฉบับในหน้า

ประโยค - อภิธัมมัตถสังคหบาลี และอภิธัมมัตถวิภาวีนีฎีกา - หน้าที่ 373 เมื่อไม่มีปัจฉาชาตปัจจัย ธรรมคือจิตและเจตสิก ซึ่งเกิดภายหลังเป็น อุปการะ โดยเป็นอุปถัมภ์แก่ร่างกาย อันยังไม่ถึงความเป็นเหตุ แห่งการตั้งอยู่ของความสืบต่อ ชื่อปัจฉาชาตปัจจัย ฯ ปัจฉาชาตปัจจัย นั้น บัณฑิตจึงเห็นเหม็นเจตนาปรารถนาอาหาร” เป็นปัจจัยแก่ตัวลูก แร้งฉะนั้นๆ [ อธิบายอาเสวนปัจจัย ] การที่ธรรมเช่นกับตน โดยความเป็นกุศลเป็นต้น ยึดความที่ ธรรมซึ่งมีชาติอันเสมอกับตนอันถึงความพิเศษโดยความเป็นธรรมช่ำชอง และมีกำลัง ดุจหนึ่งคัมภีร์ที่ท่องจำไว้ก่อน ๆ เป็นปัจจัยแก่ (การ ท่องจำ) คัมภีร์ต่อ ๆ ไปฉะนั้น ชื่ออาเสวนะ ฯ ธรรมที่มีธรรมชาติเสมอกัน นั่นเอง เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่มีชาติเสมอกัน โดยอาเสวนะนั้น ชื่อว่า อาเสวนปัจจัย ฯ จริงอยู่ ธรรมมีชาติต่างกัน ย่อมไม่อาจให้ธรรมมีชาติ ต่างกันถือเอาคติของตน กล่าวคือความเป็นกุศลเป็นต้นอันพิเศษ โดย ความเป็นธรรมมีกำลังคล่องแคล่ว โดยคุณคืออาเสวนะ ทั้งตนเองก็ ไม่ถือเอาคติจากธรรมมีชาติต่างกันนั้น ๆ แต่บัณฑิตพึงทราบสันนิษฐาน ว่า ก็อาเสวนปัจจัยเหล่านั้น เป็นกุศลากุศลที่เป็นโลกิยะและเป็นกิริยา ๆ ชวนะที่เป็นอาวัชนะ อันล่วงไปหาระหว่างมิได้ ฯ เจตนาเป็นเครื่อง อุปการะแก่ปัจจุบันธรรมที่เกิดร่วมกัน (กับตน) และที่เกิดต่างขณะกัน โดยความเป็นกิริยากล่าวคือความขวนขวายแห่งจิต ชื่อกัมมปัจจัย ฯ จิต และเจตสิกซึ่งเป็นวิบาก เป็นเครื่องอุปการะแก่นามรูปซึ่งเกิดร่วมกัน ๑. เจตนาที่ประกอบด้วนรสตัณหาในอาหาร
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

Load More