ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค - อภิธัมมัตถสังคหบาลี และอภิธัมมัตถวิภาวีนีฎีกา - หน้าที่ 342
เมื่อมีการตั้งลงแห่งปัจจัยมีกรรมเป็นต้น เพราะกระทำวิเคราะห์ว่า ทุกข์
ย่อมเกิด จากตัณหานี้ ฯ เหตุเกิดแห่งทุกข์ ชื่อว่าทุกขสมุทัย ฯ ที่ชื่อว่า
ทุกขนิโรธ เพราะอรรถว่า เป็นที่ หรือเป็นเครื่องดับคือความไม่เกิด
ขึ้นแห่งทุกข์ฯ ธรรมชาติที่ชื่อว่าทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา เพราะอรรถว่า
ถึงความดับทุกข์ และเป็นเหตุดำเนินไปสู่ดับความดับทุกข์นั้นๆ
[อธิบายปกิณณกธรรม]
ธรรม ๖๕ อย่าง ด้วยอำนาจแห่งเจตสิก (๕๒) สุขุมรูป ๑๖
และนิพพาน ๑ ย่อมถึงการนับว่า ธัมมายตนะ ในจำพวกอายตนะ
และว่า ธัมมธาตุ ในจำพวกธาตุฯ คำว่า เสสา เจตสิก ได้แก่
เจตสิก ๕๐ ที่เหลือจากเวทนาและสัญญา ฯ ถามว่า ก็เพราะเหตุไร
พระผู้มีพระภาคจึงทรงแยกเวทนาและสัญญาไว้แผนกหนึ่งฯ แก้ว่า
เพราะ (เวทนา) เป็นความยินดีในวัฏฏธรรมและ (สัญญา) เป็น
อุปกรณ์เกื้อหนุนความยินดีนั้น ๆ จริงอยู่ เวทนาเป็นไปด้วยอำนาจ
คือความยินดีในธรรมที่มีภูมิ ๓ ๓ ฯ และเวทนานั้นมีความเป็นไปโดย
อาการยินดีนั้น ด้วยอำนาจแห่งความสำคัญผิดว่างาม ในของที่ไม่งาม
เป็นต้น ฉะนั้น สัญญาจึงเป็นอุปกรณ์แก่ความยินดีนั้น ๆ เพราะเหตุ
นั้น พระผู้มีพระภาคจึงทรงแสดงแยกเวทนาและสัญญานั้นไว้ไว้ต่างหาก
เพราะเป็นเหตุที่เป็นประธานแห่งสงสาร ฉะนี้แล ฯ สมจริงดังคำที่ท่าน
อาจารย์กล่าวไว้ว่า
เพื่อแยกแสดงส่วนที่ยินดีในวัฏฏธรรม
และส่วนที่คอยส่งเสริมส่วนที่ยินดีนั้นต่าง