ข้อความต้นฉบับในหน้า
က
ประโยค - อภิธัมมัตถสังคหบาลี และอภิธัมมัตถวิภาวีนีฎีกา - หน้าที่ 415
ความที่เมตตากรุณาและมุทิตา ประกอบด้วยโสมนัส ซึ่งเป็น
ปฏิปักษ์ต่อโทมนัสอย่างเดียวชอบแล้ว เพราะเมตตาเป็นต้นละความ
พยาบาท ความเบียดเบียน และความไม่ยินดียิ่ง ที่สหรคตด้วยโทมนัส
เพราะฉะนั้น อัปปมัญญาทั้ง ๓ มีเมตตาเป็นต้น ท่านอาจารย์จึงกล่าว
ว่า จตุกฺกชฺฌานิกา (สำเร็จฌานหมวด ๔ ได้) ฯ อุเบกขาท่าน
อาจารย์กล่าวว่า ปญฺจมชฺฌานิกา (ประกอบในฌานที่ ๕ หรือสำเร็จ
ปัญจมฌานได้) เพราะอุเบกขาพรหมวิหารสหรคตด้วยสุขไม่มี เพราะ
ตัตรมัชฌัตตุเบกขา (ความวางเฉยคือความมีตนเป็นกลางในธรรม
นั้น ๆ) เกิดขึ้นด้วยภาวนาที่ละความขวนขวายทั้ง ๓ ที่เป็นไปด้วยกิจ
แห่งเมตตาเป็นต้นว่า ขอสัตว์ทั้งหลายทั้งปวงจงมีความสุข... จงพ้นจาก
ทุกข์... จงอย่าพลัดพรากจากสุขสมบัติที่ตนได้แล้ว ดังนี้ แล้วเป็นไป
โดยอาการเป็นกลางในหมู่สัตว์ โดยเห็นความที่สัตว์ทั้งหลายมีกรรมเป็น
ของ ๆ ตน เป็นธรรมชาติมีกำลังกว่า ฯ
บทว่า ยถารห์ คือ โดยอนุรูปแก่อารมณ์นั้น ๆๆ ท่านอาจารย์
กล่าวคำว่า ปริยาเยน เพราะอารมณ์บางอย่างไม่ชัดเจน ๆ จริงอยู่ เฉพาะ
ในกสิณ อสุภะ โกฏฐาสะ (กายคตาสติ) และอานาปานัสสติเท่านั้น
มีนิมิตชัดเจนแลฯ หลายบทว่า ปฐวีมณฑลาที่สุ นิมิตต์ อุคฺคณฺหนฺตสฺส
ความว่า เมื่อพระโยคีชำระจตุปาริสุทธิศีลให้หมดจดในเบื้องต้นก่อน
แล้วตัดปลิโพธ ๑๐ อย่าง เข้าไปหากัลยาณมิตรผู้ประกอบด้วยคุณมีความ
เป็นผู้น่ารักน่าเคารพและน่าสรรเสริญเป็นต้นแล้ว เรียนเอากรรมฐานที่
เหมาะแก่จริตตามปกติของตน ละวิหารที่ไม่เหมาะสม ๑๘ อย่าง อยู่