ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค - อภิธัมมัตถสังคหบาลี และอภิธัมมัตถวิภาวีนีฎีกา - หน้าที่ 133
ที่เป็นอนาคตนั้น เป็นอารมณ์ที่บุคคลยังไม่ได้เสวย เหมือนกรรมและ
กรรมนิมิตที่เป็นอดีต และทั้งจะเป็นอารมณ์ที่มาสู่คลอง เหมือนกรรม
นิมิตและคตินิมิตที่เป็นปัจจุบันก็หามิได้ ฉะนี้แล ฯ ก็แล ท่านอาจารย์
จักกล่าวสรุปกรรมและกรรมนิมิตเป็นต้นเสียเองทีเดียว ฯ บทว่า เตสุ
คือในวิญญาณที่มีรูปเป็นต้นนั้น เป็นปัจจุบันเป็นต้น และมีกรรมเป็น
ต้นเป็นอารมณ์ ฯ
จิตที่ชื่อว่ารูปามิเอเกกาลัมพนะ เพราะอรรถว่า จิตเหล่านี้มี
อารมณ์ได้ทีละอย่าง บรรดาอารมณ์มีรูปเป็นต้น ๆ ที่ชื่อว่ารูปาท
ปัญจาลัมพนะ เพราะอรรถว่า มีอารมณ์ ได้ทั้ง ๕ อย่างมีรูปเป็นต้น ฯ
บทว่า เสสานิ ได้แก่กามาวจรวิบากจิต ๑๑ นอกจากทวิปัญจวิญญาณ
และสัมปฏิจฉันนจิตฯ สองบทว่า สพฺพถาปิ กามาวจราลมุพนานิ
ได้แก่จิตแม้ที่เกิดขึ้นโดยอาการแห่งจิตที่เป็นไปด้วยอำนาจจิตเป็นไปใน
ทวาร ๖ พ้นจากทวาร ๖ และมีอารมณ์ ๖ ซึ่งมีอารมณ์ ๖ มีสภาพเป็น
กามาวจรอย่างเดียวอารมณ์ ฯ
ก็บรรดากามาวจรวิบากจิต ๑๑ และหสนจิตเหล่านี้ พวกวิบากจิต
เป็นไปในอารมณ์ทั้ง ๕ มีรูปเป็นต้น ด้วยอำนาจแห่งกิจมีสันตีรณะ
เป็นต้น เป็นไปในอารมณ์ที่เป็นกามาวจร กล่าวคืออารมณ์ 5 ด้วย
อำนาจแห่งกิจมีปฏิสนธิเป็นต้นก่อน ๆ แม้หสนจิตก็เป็นไปในอารมณ์ ๖
ที่เนื่องในกามาวจรธรรมอย่างนี้ คือเป็นไปในรูปารมณ์แก่พระขีณาสพ
ผู้พบสถานที่สมควรแก่การบำเพ็ญเพียงแล้วยินดี ในสัททารมณ์แก่
พระขีณาสพผู้ได้ยินเสียงดัง ในสถานที่แจกสิ่งของแล้วยินดีว่า เราละ