ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค - อภิธัมมัตถสังคหบาลี และอภิธัมมัตถวิภาวีนีฎีกา - หน้าที่ 371
นิโรธ และจุติจิตอันมีในก่อน แต่การบังเกิดในอสัญญภพ เป็นธรรม
สามารถในอันยังผลจิตและปฏิสนธิจิต ซึ่งจะบังเกิดแม้ในกาลอื่น ก็ให้
บังเกิดขึ้นได้โดยไม่มีระหว่าง และในการให้บังเกิด ดุจน้อมเข้าไปสู่
ๆ
ความเป็นอันเดียวกันมีอยู่ เพราะอรูปธรรมอันมีชาติเสมอกันไม่มีมาแทรก
แซงในท่ามกลง และเพราะ
เพราะรูปธรรมที่มีชาติต่างกันไม่สามารถทำการ
แทรกแซง เพราะเหตุนั้น ความเป็นอนันตรปัจจัยและสมนันตรปัจจัย
แม้แห่งเนวสัญญานาสัญญายตนะและจุตินั้น จึงมีได้ เพราะฉะนั้น
แม้เมื่อไม่มีความแปลกกันโดยอรรถแห่งอุปสรรค ด้วยสามารถแห่งเวไนย
สัตว์ทั้งหลาย ผู้จะตรัสรู้ได้โดยประการนั้น ๆ นั่นแล ฯ
[อธิบายสหชาตปัจจัยและอัญญามัญญปัจจัย]
ธรรมที่เป็นปัจจัยแก่ธรรมทั้งหลายที่เกิดพร้อมกัน โดยความ
ๆ
เป็นธรรมมีการเกิดร่วมกัน ดุจหนึ่งประทีปเป็นปัจจัยแก่แสงสว่างฉะนั้น
ชื่อสหชาตปัจจัย เพราะเมื่อตน ไม่เกิด แม้ธรรมทั้งหลายที่จะเกิดร่วม
กันก็ไม่เกิด ฯ ธรรมทั้งหลาย คือ อรูปขันธ์ ๔ มหาภูตรูป ๔
และธรรมที่เป็นวัตถุวิบากในขณะปฏิสนธิฯ ธรรมที่เป็นปัจจัยแก่ธรรม
ที่ค้ำจุนแก่ตน โดยความเป็นธรรมอุปถัมภ์ ดุจไม้ ๓ อัน ซึ่งยันกันและ
กันไว้ฉะนั้น ชื่ออัญญมัญญปัจจัย ฯ ปัจจัยทั้ง ๒ นี้มีความแปลกกัน
อย่างนี้ คือความเป็นธรรมค้ำจุน โดยอำนาจแห่งอัญญมัญญภาพนั่นแล
(ความเป็นธรรมอุดหนุนกันและกัน) ชื่อว่าเป็นอัญญมัญญปัจจัย
หาใช่โดยสักว่าเป็นธรรมเกิดร่วมกันไม่ ๆ จริงอย่างนั้น ธรรมอะไร ๆ