ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค - อภิธัมมัตถสังคหบาลี และอภิธัมมัตถวิภาวีนีฎีกา - หน้าที่ 296
แก่พระพุทธเจ้าทั้งหลายได้ ฯ ภาวะแห่งฤดูและโอชะ มีกำลังในฐิติ
ขณะเท่านั้น เพราะได้ความสนับสนุนจากปัจจัยมีปัจฉาชาตปัจจัยเป็นต้น
เพราะเหตุนั้น ท่านอาจารย์จึงได้กล่าวคำมีอาทิว่า เตโชธาตุ ฐิติปปัตตา
(เตโชธาตุถึงฐิติขณะแล้ว) ดังนี้ ฯ
ကေ
(อธิบายรูปที่เกิดจากสมุฏฐานทั้ง ๔]
หทัยรูปและอินทรียรูปทั้ง ๕ ชื่อว่ากัมมรูป (รูปเกิดจากกรรม)
เพราะเกิดจากกรรมอย่างเดียว ฯ แท้จริง รูปที่เกิดแล้ว กำลังเกิด และ
จักเกิด ท่านก็เรียกว่า กัมมชรูป เหมือนอุทาหรณ์ว่า น้ำนาที่เสียแล้ว
กำลังเสีย และจักเสีย ท่านเรียกว่า ทุฏฐิ (นมเสีย) ฉะนั้น ๆ รูปทั้ง
มีลหุตาเป็นต้น ไม่จัดเป็นกัมมชรูป เพราะเล็งถึงปัจจัยที่เป็นปัจจุบัน ฯ
เมื่อถือเอาความโดยประการนอกนี้ ภาวรูป ๒ จึงมีได้ทุกกาล
เพราะฉะนั้น ท่านอาจารย์จึงกล่าวว่า รูป ๓ มีลหุตาเป็นต้น ย่อมเกิด
จากฤดู จิต และอาหาร ฯ รูป ๑๘ คือ รูปที่เกิดแต่กรรมล้วน ๆ 8
อย่าง และบรรดาสมุฏฐานที่เกิดทั้ง ๔ รูปที่เกิดแต่กรรมอีก 8 อย่าง
ชื่อว่ากัมมชรูปฯ รูป ๑๕ ด้วยสามารถแห่งวิการรูป ๕ เสียง ๑ อวินิพ
โภครูป ๘ อากาสรุป ๑ ชื่อว่ารูปเกิดแต่จิต ฯ รูป ๑๓ คือ เสียง ๑
ลักขณะรูป ๓ มีลหุตาเป็นต้น อวินิพโภครูป ๘ อากาสรูป ๑ ชื่อว่ารูป
เกิดแต่ฤดู ๆ รูป ๑๒ ด้วยสามารถแห่งรูปมีลหุตารูป ๓ เป็นต้น อวิ
นิพโภครูป ๘ อากาสรูป ๑ ชื่อว่าอาหารชรูป (รูปเกิดจากอาหาร) ]
๑.
มณิสารมัญชุสา เป็น ทุทธ์ คือ น้ำนม (ขีร์ ทุทธ์ ปโย ถญฺญ์) หมายความว่า น้ำนม
ที่รีดแล้ว กำลังรีด และจักรีด ก็เรียกว่ น้ำนม (คือคงรูปศัพท์เป็น ทุทธ์ อยู่นั่นเอง)
ๆ