ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค - อภิธัมมัตถสังคหบาลี และอภิธัมมัตถวิภาวีนีฎีกา - หน้าที่ 96
เพราะประกอบด้วยความเป็นใหญ่ยิ่ง ในความรู้ชัดตามสภาพ เหตุนั้น
จึงชื่อว่าปัญญินทรีย์ฯ ถามว่า ถ้าอย่างนั้น สัญญา วิญญาณ และปัญญา
ทำหน้าที่ต่างกันอย่างไร ? ตอบว่า สัญญา ย่อมทำหน้าที่เพียงหมายรู้
ด้วยอำนาจรู้จักสีเขียวเป็นต้นเท่านั้น แต่ไม่สามารถทำการรู้ตลอดถึง
ลักษณะได้ฯ วิญญาณย่อมให้สำเร็จถึงการรู้ตลอดลักษณะ แต่ไม่
สามารถให้ก้าวขึ้นไปถึงมรรคฯ ส่วนปัญญาย่อมทำหน้าที่ทั้ง ๓ อย่าง ฯ
ในข้อนี้มีการสังเกตรู้เหรียญกระษาปณ์ของเด็ก คนชาวบ้าน และเจ้าหน้าที่
การเงินเป็นตัวอย่าง ๆ ก็ในสัญญา วิญญาณ และปัญญานี้ วิญญาณ
ย่อมเป็นอัพโพหาริก ในเวลาที่สัญญาซึ่งเป็นญาณสัปยุตเกิดขึ้น ด้วย
อำนาจถือเอาแต่อาการ ฯ ในกาลนอกนั้น วิญญาณย่อมมีกำลัง ๆ แต่
(ธรรมคือ) สัญญาและวิญญาณทั้ง๒ ที่เป็นญาณสัมปยุตย่อมเป็นไป
ตามคติของปัญญาฯ เชื่อมความว่า มี ๒๕ แม้โดยประการทุกอย่าง ฯ
สงเคราะห์เจตสิกที่กล่าวว่าแล้วโดยราสีทั้ง ๓ ด้วยคำว่า เตรสญฺญสมานา
ดังนี้เป็นต้นฯ
ธรรมที่ชื่อว่าจิตตาวิยุตตะ เพราะอรรถว่า ไม่แยกกันกับจิต ฯ
มีอธิบายว่า เจตสิกที่ชื่อว่าอุปปาทะ เพราะอรรถว่า เกิดขึ้น ๆ ความ
เกิดขึ้นคือจิต ชื่อว่าจิตตุปบาท ฯ แต่ในที่อื่น จิตพร้อมทั้งธรรมที่
สัมปยุต ท่านอาจารย์เรียกว่าจิตตุปบาท เพราะทำอธิบายว่า ความ
ประชุมแห่งธรรมที่ชื่อว่าอุปปาทะ เพราะอรรถว่า เป็นเหตุเกิดแก่งจิต
จิตนั้นด้วย ความเกิด (แห่งจิต) ด้วย เพราะฉะนั้นจึงชื่อว่าจิตตุปบาท ฯ
จริงอยู่ ในที่มาบางแห่ง ท่านผู้รู้ศัพทศาสตร์ ต้องการให้เป็นปุงลิงค์