ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค - อภิธัมมัตถสังคหบาลี และอภิธัมมัตถวิภาวีนีฎีกา - หน้าที่ 338
อาทิว่า จกฺขวายตน์ ฯ จักษุนั้นด้วย เป็นอายตนะด้วย เพราะฉะนั้น
จึงชื่อว่าจักขวายตนะ ฯ แม้ในบทที่เหลือ ก็มีวิเคร
วิเคราะห์อย่างนี้ ฯ
[อธิบายการแสดงลำดับอายตนะ]
ๆ
บรรดาอายตนะ ๑๒ เหล่านั้น ในพวกอายตนะภายใน จักขวา
ยตนะแจ่มชัด เพราะมีอารมณ์เป็นสนิทัสสนะและสัปปฏิฆะ (เห็นได้
และกระทบได้) เพราะฉะนั้น จักขวายตนะนั้น พระผู้มีพระภาค
จึงทรงยกขึ้นไว้ก่อน ฯ ทรงยกอายตนะนอกนี้ ซึ่งมีอารมณ์เป็น
อนิทัสสนะและสัปปฏิฆะ (เห็นไม่ได้แต่ถูกต้องได้) ขึ้นไว้ในลำดับ
แห่งจักขวายตนะนั้น ๆ ในพวกอายตนะ (มีโสตายตนะเป็นต้น) แม้นั้น
โสตายตนะ พระผู้มีพระภาคตรัสไว้ในลำดับแห่งจักขวายตนะ โดยรับ
อารมณ์ซึ่งยังไม่มาถึงได้เหมือนกัน ฯ บรรดาอายตนะ ๔ มีฆ่านายตนะ
เป็นต้นนอกนี้ ฆานายตนะตรัสไว้ก่อน เพราะมีความสามารถรับ
อารมณ์ได้เร็วกว่า ๆ จริงอยู่ กลิ่นของโภชนะเป็นต้น เพียงแต่
วางไว้ข้างหน้า ก็กระทบที่ฆานะได้โดยฟุ้งไปตามลม ฯ แต่ตรัส
ชิวหายตนะไว้ในลำดับแห่งฆานายตนะนั้น โดยเป็นไปเฉพาะที่เฉพาะ
แห่งเพียงเอกเทศเหมือนกัน ฯ ในลำดับนั้นจึงตรัสกายายตนะซึ่งเป็นไป
ทั่วกายทุกแห่ง ฯ ต่อจากนั้นตรัสมานตนะซึ่งสามารถรับอารมณ์ของ
อายตนะทั้ง ๕ มีจักษุเป็นต้นได้ ฯ แต่พระผู้มีพระภาคตรัสอายตนะ
ภายนอกมีรูปายตนะเป็นต้น ซึ่งเป็นอามรณ์แห่งอายตนะนั้น ๆ ตาม
ลำดับแห่งอายตนะภายในมีจักขวายตนะเป็นต้น ตามที่กล่าวแล้ว ฯ
ๆ