ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค - อภิธัมมัตถสังคหบาลี และอภิธัมมัตถวิภาวินีฎีกา - หน้าที่ 254
ว่า "กรรมนิมิต อันทวารทั้ง ๖ ถือเอา คตินิมิต อันทวารที่ 5 ถือ
เอา" ฯ แต่อาจารย์พวกอื่นก็พรรณนาไว้โดยไม่แปลกกัน ๆ โดยอธิบาย
นั้นนั่นแล ท่านธรรมปาลาจารย์จึงได้กล่าวคำนี้ไว้ แม้ในสัจจสังเขปว่า
"ปฏิสนธิจิต เว้นกรรมเสีย พึงมีในอารมณ์
ทั้ง ๒ กล่าวคือกรรมนิมิต และคตินิมิต
ในทวาร ๕ มีจักขุทวาร เป็นต้น "ฯ
แต่ท่านอาจารย์ทั้งหลาย ไม่ยอมรับรองคำของอาจารย์พวกอื่น
นัน เพราะพระพุทธโฆษาจารย์ได้กล่าวไว้แล้วในอรรถกถาว่า "คติ
นิมิต ย่อมมาสู่คลองในมโนทวาร" และเพราะท่านไม่ได้แสดงปฏิสนธิ
จิตที่เป็นไปในปัญจทวาร ซึ่งมีคตินิมิตนั้นเป็นอารมณ์ไว้ และเพราะ
ในมูลฎีกาทั้งหลาย พระฎีกาจารย์ได้กล่าวไว้แน่นอนว่า "วรรณายตนะ
(อายตนะคือสี) อันกำลังแห่งกรรมให้ปรากฏ ย่อมถึงความเป็น
อารมณ์ในมโนทวารอย่างเดียว เหมือนอารมณ์มาสู่คลองของชนผู้ฝัน
(เห็นนิมิต) และเหมือนรูปายตนะ (อายตนะคือรูป) มาสู่คลองของ
ท่านผู้ได้ทิพยจักษุฉะนั้น" ฯ
ในคำว่า "ปจฺจุปฺปนฺนญฺจ" นี้ จะพึงมีคำทักท้วงว่า "คตินิมิต
เป็นอารมณ์ปัจจุบันถูกก่อน ส่วนกรรมนิมิตเป็นนิมิตแห่งกรรมที่ให้
เกิดปฏิสนธิอย่างเดียว อันบัณฑิตประสงค์เอาแล้ว เพราะฉะนั้น
กรรมนิมิตนั้น อันชวนะที่ใกล้ต่อจุติถือเอาแล้ว เป็นปัจจุบัน จะมีได้
อย่างไร ? ฯ ความจริง กรรมกล่าวคือชวนะที่ใกล้ต่อจุตินั้นนั่นแลไม่
?
เป็นกรรมที่ยังอารมณ์ให้ตั้งอยู่ได้ ทั้งไม่พึงเป็นกรรมที่ยังปฏิสนธิให้เกิด