ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค - อภิธัมมัตถสังคหบาลี และอภิธัมมัตถวิภาวีนีฎีกา - หน้าที่ 321
อย่างนั้น ๆ อีกอย่างหนึ่ง ชื่อว่านิวรณ์ เพราะอรรถว่า ปิดกั้นปัญญา
จักษุ ฯ กาม กล่าวคือความกำหนดอย่างแรงกล้าในกามคุณ ๕ นั่นเอง
เป็นฉันทะ เพราะอรรถว่า พอใจด้วย ฉะนั้น จึงชื่อว่ากามฉันทะ ฯ
กามฉันทะนั้นนั่นและ เป็นนิวรณ์ เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่ากามฉันท
นีวรณ์ ฯ สภาพที่ชื่อว่าพยาบาท เพราะอรรถว่า เป็นเหตุวิบัติ คือพินาศ
แห่งจิต ได้แก่โทสะ ๕ อย่าง ด้วยมีอาฆาตวัตถุต่าง ๆ ที่เป็นไปโดย
นัยเป็นต้นว่า เขาได้ประพฤติความพินาศแก่เราแล้วเป็นเหตุ หรือ ๑๐
อย่าง รวมกับความโกรธโดยมิใช่เหตุ ฯ พยาบาทนั่นแลเป็นนิวรณ์
เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่าพยาบาทนิวรณ์ ฯ นิวรณ์คือถีนมิทธะ ชื่อว่า
ถีนมิทธนีวรณ์ ฯ อุทธัจจกุกกุจจนีวรณ์ก็อย่างนั้น ๆ มีคำถามสอดเข้า
มาว่า ก็เพราะเหตุไร ธรรมที่แตกต่างกันเหล่านี้พระผู้มีพระภาค
จึงตรัสไว้อย่างละ ๒ (ถนะกับมิทธะ อุทธัจจะกับกุกกุจจะ) โดยความ
เป็นนิวรณ์อย่างหนึ่ง ๆ ๆ แก้ว่า เพราะมีกิจ อาหาร และธรรมที่เป็น
ปฏิปักษ์เหมือนกันฯ จริงอยู่ ถีนะและมิทธะมีการทำให้จิตตุปบาทถึง
ความหดหู่เป็นกิจเหมือนกัน อุทธัจจะและกุกกุจจะมีการทำความไม่สงบ
เป็นกิจเหมือนกันฯ อนึ่ง ธรรม ๒ อย่างข้างต้น มีความคร้านและความ
บิดกายเป็นอาหารฯ อธิบายว่า เป็นเหตุฯ (ธรรม ๒ ) อย่างหลัง
มีความคำนึงถึงความเสื่อมญาติเป็นอาหาร ฯ อนึ่ง ความเพียร
เป็นคู่ปรับแก่ธรรม ๒ อย่างข้างต้น ความสงบเป็นคู่ปรับแก่ธรรม ๒
อย่างข้างหลัง ฉะนี้แล ฯ เพราะฉะนั้น พระโบราณาจารย์จึงกล่าวว่า
ન