จตุสังเขปในอภิธัมมัตถสังคห อภิธัมมัตถสังคหบาลี และอภิธัมมัตถวิภาวีนีฎีกา หน้า 367
หน้าที่ 367 / 442

สรุปเนื้อหา

เนื้อหานี้กล่าวถึงจตุสังเขปซึ่งเป็นเจตนาที่มีความสำคัญต่อการปฏิสนธิและการเข้าใจธรรม ในการอธิบายถึงอวิชชาและตัณหาซึ่งเป็นมูลเหตุของการเกิดภพต่าง ๆ โดยการทราบถึงธรรมที่เปลี่ยนแปลงไปในปัจจุบันและอนาคต ผ่านแนวคิดในอภิธัมมัตถสังคหบาลีและการวิจารณ์ที่เกี่ยวข้อง การปรากฏของอาสวะทำให้เกิดอวิชชา รวมถึงการเข้าใจถึงวัฏฏะและการดับของวัฏฏะตามคำสอนของพระผู้มีพระภาค

หัวข้อประเด็น

-จตุสังเขป
-อภิธัมมัตถสังคห
-เจตนาและปฏิสนธิ
-อวิชชา
-ตัณหา
-วัฏฏะ

ข้อความต้นฉบับในหน้า

ประโยค - อภิธัมมัตถสังคหบาลี และอภิธัมมัตถวิภาวีนีฎีกา - หน้าที่ 367 เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่าจตุสังเขป ฯ เจตนาที่เป็นปัจจัยแก่ปฏิสนธิต่อไป ในอนาคต ชื่อภพ ในคำว่า กมุมภวสงฺขาโต ภูเวกเทโส นี้ ฯ เจตนาในกรรมภพก่อน เป็นปัจจัยแก่ปฏิสนธิในภพนี้ บัณฑิตพึงทราบ ว่า ชื่อว่าสังขาร ฯ คำว่า อวเสสา ได้แก่ ธรรมที่ท่านกล่าวไว้ตาม อำนาจแห่งปัจจุบันผล ๓ อย่าง ด้วยสามารถแห่งหมวด ๕ มีวิญญาณ เป็นต้นและชาติชรามรณะ ฯ ก็ธรรมมีวิญญาณเป็นต้นซึ่งนับเนื่องใน อนาคต บัณฑิตพึงทราบว่าภพ ในคำว่า อุปปตฺติภวสงฺขาโต ภูเวกเทโส ฯ ศัพท์ว่าส่วนหนึ่งแห่งภพ ท่านกล่าวไว้ เพราะแม้กรรมภพก็จะกล่าวด้วย ภวศัพท์ฯ ท่านอาจารย์ทำในใจว่า อวิชชาเป็นมูลเหตุแก่ส่วนสุดเบื้องต้น ตัณหาเป็นมูลเหตุแก่ส่วนสุดเบื้องปลาย จึงกล่าวว่า อวิชชาตณฺหาวเสน เทว มูลานิ ดังนี้ ฯ [อธิบายสังคหคาถา] วัฏฏะย่อมดับลง โดยคับมูลแห่งวัฏฏะ กล่าวคืออวิชชาและ ตัณหา คือ โดยมูลเหตุเหล่านั้นถึงความไม่เกิดอีกเป็นธรรมดา ได้แก่ โดยความไม่เป็นไปของมูลเหตุเหล่านั้น อันสำเร็จแล้วโดยการตรัสรู้ สัจจะ ๆ ก็อวิชชาย่อมกลับเจริญขึ้นอีก เพราะความเกิดขึ้นแห่งอาสวะ มีกามาสวะเป็นต้น แก่สัตว์ทั้งหลายผู้เปี่ยมด้วยโสกะเป็นต้น ผู้ซึ่งถูก สมสลบ กล่าวคือชราและมรณะบีบคั้นเสมอ ๆ คือเนือง ๆ ฯ สมจริง ดังคำที่พระผู้มีพระภาคตรัสได้ว่า เพราะอาสวะเกิด อวิชชาจึงเกิดฯ ด้วยคำว่า อาสวะ เป็นต้นนี้ อาสวธรรมที่เป็นปัจจัยแม้แห่งอวิชชา
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

Load More