ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค - อภิธัมมัตถสังคหบาลี และอภิธัมมัตถวิภาวินีฎีกา - หน้าที่ 68
ฉันใด แม้อนุตตรจิต (โลกุตตรจิต) ท่านก็ถือเอาโดยชื่อว่า "ปฐม-
ฌานโสดาปัตติมรรคจิต" ฉันนั้น ๆ ถึงแม้อรูปฌาน บัณฑิตก็ถือเอา
ในปัญจมฌาน (ฌานที่ ๕) เพราะอรูปฌานมีองค์เสมอกัน โดย
ประกอบด้วยอุเบกขากับเอกัคคตา ฯ อธิบายว่า ย่อมได้ชื่อว่าปัญจม
ฌาน ฯ
อีกอย่างหนึ่ง ประกอบความว่า รูปาวจรจิตและโลกุตตรจิต
บัณฑิตถือเอาในความต่างแห่งปฐมฌานเป็นต้น โดยชื่อมีอาทิว่า ปฐม
ฌานกุศลจิต ปฐมฌานโสดาปัตติมรรคจิต ฉันใด ถึงแม้อรูปฌานท่าน
ก็ถือเอาในฌานที่ ๕ ก็ฉันนั้น ๆ จริงอยู่ การประกอบความนี้นั่นแล
ปรากฏว่าเป็นความต้องการแม้แก่ท่านอาจารย์ เพราะท่านกล่าวไว้อย่างนั้น
โดยตรงทีเดียวในนามรูปปริเฉท ฯ สมจริงดังคำที่ท่านอาจารย์กล่าวไว้ใน
นามรูปปริเฉทนั้นว่า
ๆ
รูปาวจรและโลกุตตรจิต บัณฑิตถือเอาใน
ความต่างแห่งฌานมีปฐมฌานเป็นต้น แม้ถึง
อรูปฌาน ท่านก็มีถือเอาในฌานที่ ๕ ฯ
บทว่า ตสฺมา ความว่า เพราะแม้อนุตตรจิต (โลกุตตรจิต)
บัณฑิตถือเอาในความต่างแห่งฌาน มีปฐมฌานเป็นต้น เหมือน
รูปาวจรจิต ถึงอรูปฌานท่านก็ถือเอาในฌานที่ ๕, อนึ่ง เพราะ
อนุตตรจิต (โลกุตตรจิต) บัณฑิตแบ่งออกเป็นอย่างละ ๕ ๆ โดย
ความต่างแห่งการประกอบกับองค์ฌาน กล่าวไว้ว่า ๔๐ และถึงอรูปฌาน
ท่านก็ถือเอาในความต่างแห่งฌาน มีปฐมฌานเป็นต้น เหมือน