ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค - อภิธัมมัตถสังคหบาลี และอภิธัมมัตถวิภาวีนีฎีกา - หน้าที่ 228
วิธีแห่งการลุกรับและนำอาสนะมาให้ ชื่อว่าอปจายนะ (ความประพฤติ
อ่อนน้อม)ฯ เจตนาที่ช่วยทำกิจนั้น ๆ ด้วยอัธยาศัยตามที่กล่าวแล้ว
แก่ผู้เจริญด้วยวัยและคุณเหล่านั้นนั่นแลและแก่เหล่าชนผู้เจ็บไข้ ชื่อว่า
เวยยาวัจจะ (ความช่วยขวนขวาย) ฯ เจตนาหวังให้บุญซึ่งเกิดใน
สันดานของตน เป็นประโยชน์ทั่วไปกับชนเหล่าอื่น ชื่อว่าปัตติทานะ
(การให้ส่วนบุญ) ฯ เจตนาที่พลอยยินดียิ่งนัก ซึ่งบุญที่คนเหล่าอื่นให้
แล้ว หรือไม่ได้ให้ก็ตาม ด้วยจิตที่พรากจากมลทินคือความตระหนี้
ชื่อว่าปัตตานุโมทนา (การอนุโมทนาส่วนบุญ) ฯ เจตนาที่รับฟังข้อแนะ
นำสิ่งที่เป็นประโยชน์เกื้อกูล ด้วยอัธยาศัยที่ไม่เศร้าหมอง ซึ่งเป็นไป
ด้วยอำนาจการแผ่ประโยชน์เกื้อกูลแก่ตนหรือแก่ชนเหล่าอื่นอย่างนี้ว่า
"เราสดับธรรมนี้อย่างนี้แล้ว ปฏิบัติอยู่โดยนัยดังที่ท่านกล่าวแล้วใน
ธรรมนั้น จักเป็นผู้มีส่วนแห่งคุณวิเศษ ทั้งที่เป็นโลกิยะและโลกุตตระ
หรือว่าเราเป็นผู้สดับมากแล้ว จักอนุเคราะห์แก่ชนเหล่าอื่น ด้วยกิจมี
การแสดงธรรมเป็นต้น " ดังนี้ ชื่อว่าธัมมัสสวนะ (การฟังธรรม) ฯ
ถึงแม้เจตนาที่รับฟังวิชาที่หาโทษมิได้เป็นต้น ท่านก็สงเคราะห์เข้าใน
การฟังธรรมนี้เหมือนกันฯ เจตนาแนะนำสิ่งที่เป็นประโยชน์เกื้อกูล
โดยความใฝ่ใจที่แยบคาย เพราะเป็นผู้ไม่เพ่งอามิสมีลาภสักการะเป็นต้น
ชื่อว่าธัมมเทสนา (คือการแสดงธรรม)ฯ ถึงแม้เจตนาชี้แจงวิชาที่
หาโทษมิได้เป็นต้น ย่อมถึงการสงเคราะห์เข้าในการแสดงธรรมนี้
เหมือนกันฯ การทำความเห็นให้ตรง ด้วยอำนาจความเห็นถูกที่เป็นไป
โดยนัยเป็นต้นว่า "ผลทานที่ให้แล้วมีอยู่" ดังนี้ ชื่อว่าทิฏฐิชุกรรม