อภิธัมมัตถสังคหบาลี และอภิธัมมัตถวิภาวีนีฎีกา อภิธัมมัตถสังคหบาลี และอภิธัมมัตถวิภาวีนีฎีกา หน้า 37
หน้าที่ 37 / 442

สรุปเนื้อหา

เนื้อหาในหน้าที่ 37 ของอภิธัมมัตถสังคหบาลีและอภิธัมมัตถวิภาวีนีฎีกาทบทวนคำถามเกี่ยวกับความหมายของทุกข์และสุข รวมถึงอธิบายวิบากเป็นผลจากกุศลและอกุศล โดยมุ่งเน้นที่การขุดค้นสุขทางกายและจิตที่ถูกบรรยายไว้ นอกจากนี้ยังมีการวิเคราะห์ความต่างของสันตีรณะระหว่างกุศลและอกุศล เพื่อให้เห็นอรรถตามหลักอภิธรรมและแนวคิดของอาจารย์แต่ละกลุ่ม.

หัวข้อประเด็น

-ทุกข์และสุข
-จิตและวิบาก
-อธิบายอภิธรรม
-ความแตกต่างของกรรม

ข้อความต้นฉบับในหน้า

ประโยค - อภิธัมมัตถสังคหบาลี และอภิธัมมัตถวิภาวีนีฎีกา - หน้าที่ 37 ขุดสุขทางกายเสีย ฯ อีกอย่างหนึ่ง ชื่อว่าทุกข์ เพราะอรรถว่า ทนได้ ยาก อาจารย์พวกอื่นกล่าวว่า ธรรมชาติชื่อว่าทุกข์ เพราะอรรถว่า การให้โอกาสแก่ธรรมชาตินั้น ทำได้ยาก ดังนี้บ้าง ฯ จิตที่ชื่อว่าสัมปฏิจฉันนะ เพราะอรรถว่า รับอารมณ์มีรูปเป็นต้น ที่ปัญจวิญญาณรับแล้ว โดยความเป็นไปด้วยอาการนั้น ๆ จิตที่ชื่อว่าสันตีรณะ เพราะอรรถว่า ใคร่ครวญ คือพิจารณารูป ตามที่รับไว้แล้วโดยชอบ ฯ [อธิบายวิบากวิจิตเป็นต้น] ที่ชื่อว่าวิบาก เพราะอรรถว่า เป็นผลแห่งกุศลและอกุศล ซึ่ง ขัดแย้งกันและกัน คำว่า วิบาก นี้ เป็นชื่อของอรูปธรรมที่มีถึงความ เป็นวิบากฯ ก็เพราะอธิบายอย่างนี้ การเรียกว่าวิบาก จึงไม่มีแก่ กตัตตารูป แม้ที่มีกุศลกรรมและอกุศลกรรมเป็นสมุฏฐาน จิตที่ เป็นวิบาก (ผล) แห่งอกุศล ชื่อว่าอกุศลวิบากจิต ฯ ธรรมชาติที่ชื่อว่า สุข เพราะอรรถว่า ทำกายและจิตให้ปลอดโปร่ง หรือเพราะขุดความลำบากทางกายและจิตเสียด้วยดี หรือเพราอดทนได้ ง่าย อาจารย์พวกอื่นกล่าวว่า ที่ชื่อว่าสุข เพราะอรรถว่า การให้โอกาส แก่ธรรมชาตินั้น ทำได้ง่าย ดังนี้บ้าง ฯ มีคำท้วงว่า ก็เพราะเหตุไร สันตีรณะฝ่ายกุศลวิบาก ท่านอาจารย์ จึงไม่กล่าวให้เหมือนสันตีรณะฝ่ายอกุศลวิบาก ซึ่งกล่าวไว้เพียงอย่างเดียว กล่าวไว้ถึง ๒ อย่าง ฯ เฉลยว่า เพราะมีความต่างกันแห่งเวทนา ด้วยสามารถแห่ง
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

Load More