ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค - อภิธัมมัตถสังคหบาลี และอภิธัมมัตถวิภาวีนีฎีกา - หน้าที่ 350
ร่วมกัน เป็นปัจจัยแก่กันและกัน ด้วยสามารถแห่งสัมปยุตตปัจจัย ๑ ฯ
นามย่อมเป็นปัจจัยแก่นามรูป ๕ อย่าง คือ เหตุ องค์ฌาน และองค์
มรรคเป็นปัจจัยแก่นามรูปที่เกิดร่วมกัน ด้วยอำนาจแห่งเหตุปัจจัยเป็นต้น,
เจตนาที่เกิดร่วมกัน เป็นปัจจัยแก่นามรูปที่เกิดร่วมกัน เจตน
เจตนาที่เกิดต่าง
ขณะกัน เป็นปัจจัยแก่นามรูปที่เกิดเพราะกรรม ด้วยอำนาจแห่งกัมม
ปัจจัย วิบากขันธ์เป็นปัจจัยแก่กันและกัน และแก่รูปที่เกิดร่วมกัน
ด้วยอำนาจแห่งวิปากปัจจัย ๑ ฯ นามย่อมเป็นปัจจัยแก่รูปเพียงอย่างเดียว
คือ ธรรมทั้งหลาย คือจิตและเจตสิก ซึ่งเกิดภายหลัง เป็นปัจจัย
แก่กายนี้ ซึ่งเกิดก่อนด้วยอำนาจแห่งปัจฉาชาตปัจจัย ๑ ฯ รูปย่อมเป็น
ปัจจัยแก่นามเพียงอย่างเดียว คือ วัตถุ ๖ เป็นปัจจัยแก่วิญญาณธาตุทั้ง ๓
ในปวัติกาล และอาลัมพนะ (อารมณ์) ทั้ง ๕ เป็นปัจจัยแก่ปัญจ
วิญญาณวิถี ด้วยอำนาจแห่งปุเรชาตปัจจัย ๑ ฯ
ค
0
บัญญัติ นามและรูป ย่อมเป็นปัจจัยแก่นามนั่นแหละ มี ๒ อย่าง
คือด้วยอำนาจอารัมมณปัจจัย และอุปนิสสยปัจจัย ฯ ในปัจจัย ๒ นั้น
อารมณ์มี 5 อย่าง ด้วยสามารถแห่งรูปารมณ์เป็นต้น ฯ ส่วนอุปนิสสัย
ปัจจัยมี ๓ อย่าง คือ อารัมมณูปนิสสัย ๑ อนันตรูปนิสสัย ๑ ปกตูปนิสสัย
๑ ฯ บรรดาอุปนิสัย ๓ อย่างนั้น อารมณ์นั่นเองที่จิตเจตสิกทำให้หนักแน่น
ชื่อว่าอารัมมณูปนิสสัย ๓ อย่างนั้น อารมณ์นั่นเองที่จิตเจตสิกที่ดับไปไม่ขาด
ระยะ ชื่อว่าอนันตรูปนิสสัย ฯ ส่วนปกตูปนิสสัยมีมากอย่าง คือ ธรรม
ทั้งหลาย (ทั้งที่เป็นภายในและภายนอก) มีราคะและศรัทธาเป็นต้น
สุขและทุกข์ ‹ ๑ บุคคล ๑ โภชนะ ๑ ฤดู ๑ เสนาสนะ ๑ ย่อม
เป็นปัจจัยแก่ธรรมทั้งหลายมีกุศลธรรมเป็นต้น ซึ่งเป็นผลแห่งกรรมทั้ง
0