อภิธัมมัตถสังคหบาลี: ความเข้าใจในจิตและสังขาร อภิธัมมัตถสังคหบาลี และอภิธัมมัตถวิภาวีนีฎีกา หน้า 27
หน้าที่ 27 / 442

สรุปเนื้อหา

บทนี้พูดถึงความสัมพันธ์ระหว่างจิตและสังขาร โดยพระอนุรุทธาจารย์ได้ชี้ให้เห็นถึงความมีและความไม่มีของสังขาร พร้อมกับการแยกประเภทของจิตที่เกิดขึ้นจากสังขาร ว่ากล่าวถึงจิตที่อิงกับสังขารและจิตที่แยกออกจากกัน โดยเฉพาะการตีความเกี่ยวกับเวทนาอุเบกขาที่เสวยอารมณ์อย่างเหมาะสมทั้งในสุขและทุกข์ ซึ่งจัดว่าเป็นสัมปยุตธรรมอีกด้วย รวมถึงการไตร่ตรองในเรื่องของทิฏฐิคตะ และอารมณ์ที่ไม่ขัดต่อสุขและทุกข์

หัวข้อประเด็น

-ความหมายของสังขาร
-ความสัมพันธ์ระหว่างจิตและสังขาร
-การวิเคราะห์เวทนาอุเบกขา
-ทิฏฐิคตและความเข้าใจในคุณธรรม
-สัมปยุตธรรม

ข้อความต้นฉบับในหน้า

ประโยค - อภิธัมมัตถสังคหบาลี และอภิธัมมัตถวิภาวีนีฎีกา - หน้าที่ 27 อีกนัยหนึ่ง ก็บทว่า สสงฺขารึกมสงฺขาริก นี้ ท่านพระอนุ รุทธาจารย์กล่าวหมายถึงความมีและความไม่มีแห่งสังขารอย่างเดียว ไม่ใช่ แห่งอาการที่สังขารนั้นเป็นไปร่วมกับจิต เพราะความมีและไม่มี เพราะฉะนั้น จิตที่เกิดด้วยอำนาจแห่งสังขารนั้น โดยเหตุที่สังขารแม้มี ความเป็นไปในสันดานต่างกันก็มีจิตนี้เป็นผล จึงชื่อว่าสสังขาริก ด้วย อรรถว่า "มีสังขาร" เพราะ สห ศัพท์ แสดงอรรถว่า มี ดุจในบท มีอาทิว่า สโลมโก สัตว์มีขน สปกขิโก สัตว์มีปีก ๆ ส่วนจิตที่วิปริต จากสังขารนั้น ชื่อว่าอสังขาริก โดยนัยดังกล่าวแล้วนั่นแหละ เพราะ ไม่มีสังขารนั้นฯ [ว่าด้วยสัมปยุตธรรมเป็นต้น] ન จิตที่ไม่ประกอบ คือไม่ระคนด้วยทิฏฐิคตะ เหตุนั้น จึงชื่อว่า ทิฏฐิคตวิปปยุต ฯ เวทน નૂ ทนาที่ชื่อว่าอุเบกขา เพราะอรรถว่า (ย่อม) เพ่ง คือเสวย อารมณ์โดยเหมาะ คือ โดยควร แม้เมื่อเสวย ก็เสวยโดยดำรงมั่นอยู่ ด้วยอาการวางตนเป็นกลาง ๆ อีกอย่างหนึ่งเวทนาที่ชื่อว่าอุเบกขา เพราะอรรถว่า (ความ) เพ่ง คือเสวยพอเหมาะพอควร คือไม่ขัดต่อ สุขและทุกข์ฯ จริงอยู่ อุเบกขาเวทนานี้ ย่อมเป็นไปแม้ในลำดับแห่ง สุขและทุกข์นั้น เพราะไม่ขัดต่อสุขและทุกข์ฯ คำว่า อุเปกขาสหคติ นี้ มีนัยดังกล่าวแล้วนั่นแล ฯ มีคำถามสอดเข้ามาว่า เมื่อสัมปยุตธรรม แม้เหล่าอื่น มีผัสสะเป็นต้น ก็มีอยู่ในจิตนี้ เพราะเหตุไร ท่านอาจารย์ จึงกล่าวไว้ เฉพาะความที่จิตสหรคตด้วยโสมนัสเท่านั้น ฯ เฉลยว่า ન
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

Load More