อภิธัมมัตถสังคหบาลี และอภิธัมมัตถวิภาวีนีฎีกา อภิธัมมัตถสังคหบาลี และอภิธัมมัตถวิภาวีนีฎีกา หน้า 343
หน้าที่ 343 / 442

สรุปเนื้อหา

เนื้อหาเกี่ยวกับอภิธัมมัตถสังคหบาลีและอภิธัมมัตถวิภาวีนีฎีกาอธิบายถึงความสำคัญของขันธ์ในการเกิดทุกข์และการพ้นจากทุกข์ ซึ่งปรกฏว่า พระผู้มีพระภาคทรงยกขันธ์เป็นตัวแทนแห่งธรรมต่าง ๆ ที่มีความแตกต่างและเกิดจากเหตุปัจจัย มุ่งเน้นไปที่การวิเคราะห์ธรรมะทั้ง 12 อายตนะ 18 ธาตุ และความเข้าใจเกี่ยวกับวัฏฏะและผลกรรม นอกจากนี้ยังอภิปรายถึงรายละเอียดของตัณหาที่นำมาซึ่งทุกข์

หัวข้อประเด็น

-อภิธรรม
-ขันธ์
-พระนิพพาน
-ตัณหา
-วัฏฏะ
-ธรรมะ

ข้อความต้นฉบับในหน้า

1 - หน้าที 343 ประโยค - อภิธัมมัตถสังคหบาลี และอภิธัมมัตถวิภาวีนีฎีกา - หน้ หาก พระผู้มีพระภาคอจ้าจึงทรงยกขันธ์ ๒ ขึ้น แสดงไว้ ฯ ท่านอาจารย์ทำไว้ในใจว่า ก็พระนิพพาน พระผู้มีพระภาค ทรงสงเคราะห์ลงในอายตนะและธาตุ มิใช่หรือ ? เพราะเหตุไร จึงไม่ สงเคราะห์ลงในขันธ์ จึงได้กล่าวคำเป็นอาทิว่า เภทาภาเวน ดังนี้ ฯ เพราะว่า การบัญญัติว่าขันธ์ โดยอรรถคือความประชุมกันแห่งธรรม ทั้งหลายที่แตกต่างกัน โดยความต่างแห่งกาลมีอดีตกาลเป็นต้น เพราะ ฉะนั้น พระนิพพานจึงนอกไป อธิบายว่า พ้นไปจากการ สงเคราะห์เข้าในขันธ์ เพราะไม่มีการแยกประเภทฯ อายตนะมี ๑๒ โดยความต่างแห่งทวาร ๖ และอารมณ์มีจำนวนเท่านั้นเหมือนกันฯ ธาตุมี ๑๘ โดยปริยาย คือโดยลำดับแห่งทวาร 5 อารมณ์ ๖ และ วิญญาณซึ่งมีจำนวนเท่านั้นเหมือนกัน อันอาศัยทวารและอารมณ์ทั้ง ๒ อย่างนั้นเกิดฯ วัฏฏะนี้มี ๓ กูมิ เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่าติภูมะ ติภูมะนั่นแหละ เป็นเตภูมิกะ ฯ ที่ชื่อว่าวัฏฏะ เพราะอรรถว่า เป็นที่เป็นไปแห่งกรรม และผลแห่งกรรมนั้นๆ บทว่า ตณฺหา ได้แก่ ตัณหา ๓ อย่าง ด้วยอำนาจกามตัณหาเป็นต้น, ตัณหาอีก ๑๘ อย่าง ด้วยอำนาจอารมณ์ ๖, ตัณหา ๕๔ อย่าง ด้วยอำนาจอดีตกาล อนาคตกาล และปัจจุบัน- กาล, และตัณหา ๑๐๘ ชนิด ด้วยอำนาจที่เป็นภายในและภายนอก ฯ ถามว่า ก็เพราะเหตุไร เมื่อมีธรรมเป็นเหตุแห่งทุกข์แม้อย่างอื่น ตัณหาเท่านั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่าสมุทัยฯ แก้ว่า เพราะเป็นเหตุ
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

Load More