ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค - อภิธัมมัตถสังคหบาลี และอภิธัมมัตถวิภาวีนีฎีกา - หน้าที่ 372
ซึ่งมีปกติเป็นสหชาตปัจจัยอย่างเดียวไม่จัดว่าเป็นอัญญมัญญปัจจัย เพราะ
นามซึ่งมีปกติเป็นสหชาตปัจจัยแก่จิตตชรูป และมหาภูตรูปซึ่งมีปกติเป็น
สหชาตปัจจัยแก่อุปาทายรูปเป็นอัญญมัญญปัจจัย ท่านมิได้ยกขึ้นไว้
จริงอยู่ ถ้าหากว่าความเป็นธรรมค้ำจุนแก่ธรรมซึ่งอุดหนุนตน โดย
ความเป็นธรรมเกิดขึ้นร่วมกันอย่างเดียว
จะพึงเป็นอัญญมัญญปัจจัยไซร้ ฯ
ในเวลานั้นสหาชาตปัจจัยและอัญญมัญญปัจจัยก็จะพึงกลายเป็นปัจจัยเสมอกัน
(เป็นปัจจัยที่เหมือนกัน) ฉะนี้และ ฯ
[อธิบายนิสสยปัจจัยและอุปนิสสยปัจจัย]
බ
ธรรมเหล่านี้ คือ ขันธ์ ๕ อันเป็นที่อาศัยแก่นามและรูปซึ่งเกิด
ร่วมกัน ดุจแผ่นผ้าเป็นที่รองรับจิตรกรรม ภูตรูป (มหาภูตรูป) และ
วัตถุ เป็นที่อาศัยของรูปที่เกิดร่วมกัน และวิญญาณธาตุทั้ง ๒ ตาม
ลำดับ โดยอาการคือการรองรับไว้นั่นเอง ดุจแผ่นดินเป็นที่รองรับต้นไม้
และภูเขาเป็นต้นฉะนั้น จึงชื่อว่านิสสยปัจจัย เพราะทำอธิบายว่า ถูก
พวกนิสิตก์ (ธรรมผู้อาศัย) พึ่งพิงฯ ปัจจัยซึ่งเป็นที่อาศัย โดย
ความเป็นปัจจัยที่มีกำลัง ชื่ออุปนิสสยปัจจัย เพราะ อุป ศัพท์ ส่องถึง
ความดียิ่ง ๆ แต่ท่านอาจารย์จักกล่าวถึงความต่างแห่งอุปนิสสยปัจจัยนั้น
(ต่อไปข้างหน้า)ฯ
[อธิบายปุเรชาตปัจจัยและปัจฉาชาตปัจจัย]
ธรรมเหล่านี้ คือ วัตถุ ๖ และอารมณ์ ๖ เป็นอุปการะโดยความ
เป็นธรรมเกิดขึ้นแล้วเป็นไปก่อนกว่าปัจจุบันธรรม ชื่อปุเรชาตปัจจัย ฯ