ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค - อภิธัมมัตถสังคหบาลี และอภิธัมมัตถวิภาวีนีฎีกา - หน้าที่ 255
ขึ้น เพราะไม่มีความเป็นกรรมอันสัตว์ก่อแล้ว และเพราะความเป็น
กรรมอันตัณหาไม่ให้ยินดีแล้วๆ แท้จริง กรรมที่มีอาเสวนะอันได้แล้ว
บ่อย ๆ (ได้การเสพคุ้น) เท่านั้น ย่อมชักปฏิสนธิมาให้ เพราะพระ
บาลีว่า "เพราะความเป็นกรรมอันสัตว์ทำแล้ว เพราะความเป็นกรรม
อันสัตว์ก่อแล้ว" ดังนี้ ฯ ก็แล กรรมแม้อันสัตว์ทำแล้วก่อแล้ว อัน
ตัณหาให้ยินดีแล้วด้วย จึงจะยังวิบากให้สำเร็จได้ เพราะในปฏิสัมภิทา
มรรค พระสารีบุตรเถระได้กล่าวถึงปฏิสนธิที่เป็นไปกับด้วยเหตุ ซึ่ง
เป็นไปแล้วแม้เพราะปัจจัยแห่งเหตุ ๒ ประการ ในนิกันติขณะ ฯ ก็
ชวนะที่ใกล้ต่อจุติ ที่เป็นไปอยู่ในกาลนั้น ดุจในวิถีที่เสมอด้วยปฏิสนธิ
จะพึงมีอาเสวนะอันได้แล้วบ่อย ๆ อย่างไร ? และชวนะที่ใกล้ต่อจุติเหล่า
นั้น อันตัณหาจะพึงเกี่ยวเกาะได้ในกาลนั้นอย่างไร ? ฯ อีกประการหนึ่ง
ท่านอาจารย์กล่าวไว้ในอรรถกถาว่า "กรรมนิมิตที่เป็นปัจจุบัน เป็น
อารมณ์แห่งชวนะที่เป็นไปในทวารทั้ง ๕ ซึ่งเป็นไปในเวลาใกล้จะจุติ
แต่กรรมที่เป็นไปในทวารทั้ง ๕ ไม่เป็นกรรมที่ยังปฏิสนธิให้เกิดได้
เพราะความเป็นกรรมที่ทุรพลโดยรอบ ดังนี้" ฯ
พึงเฉลยว่า "ข้อที่ท่านกล่าวนั้น จริง แต่เพราะตนเป็นเหมือน
กับกรรมนิมิต ที่เป็นอารมณ์แห่งชวนะที่เป็นไปทางมโนทวาร ซึ่ง
ปรารภวรรณะเป็นต้น ในดอกไม้เป็นต้นนั้น ที่เป็นไปก่อนแต่วิถีอัน
ใกล้ต่อจุติ ซึ่งสามารถยังปฏิสนธิให้เกิดขึ้นได้ เพราะเกิดมีการตายใน
เมื่อดอกไม้เป็นต้น อันเหล่าชนมีญาติเป็นอาทิน้ำเข้าไปให้ปรากฏ ตั้ง
๑. อภ. วิภงฺค. ๒๕/๒๓๒