ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค - อภิธัมมัตถสังคหบาลี และอภิธัมมัตถวิภาวีนีฎีกา - หน้าที่ 173
สมควร แต่ชวนะที่เป็นกามาวจรกุศล
และชวนะที่เป็นอกุศล เว้นปฏิฆะ และ
ชวนะที่เป็นกิริยา สหรคตด้วยโสมนัส ฯ
ในตทาลัมพนะทั้ง ๖ ที่สหรคตด้วยอุเบกขา
ตทาลัมพนะดวงหนึ่ง มีโดยสมควร ตาม
ลำดับ แต่ชวนะที่สหรคตด้วยอุเบกขา
ทั้งที่เป็นอกุศล ทั้งที่เป็นกามาวจรกุศล
ทั้งที่เป็นกิริยา ฯ
แท้จริง การกำหนดตทาลัมพนะด้วยชวนะนี้ เป็นเรื่องที่ไม่
เปลี่ยนแปลง ฯ
1ฯ แต่การกำหนดตทารมณ์
ซึ่งเป็นไปโดยนัยที่อาทิว่า
ตทารมณ์ที่ประกอบด้วยญาณ มีต่อจากชวนะอันประกอบด้วยญาณ
ดังนี้ เป็นเรื่องที่ไม่แน่นอน ๆ จริงอยู่ บางครั้งเมื่อกุศลชวนะของ
บุคคลผู้สั่งสมแล้วในอกุศลชวนะโดยมาก แล่นไปแล้ว หรือบางครั้ง
เมืออกุศลชวนะของบุคคลผู้สั่งสมแล้วโดยมากในกุศลชวนะแล่นไปแล้ว
ตทารมณ์เป็นอเหตุกะ แม้ต่อจากติเหตุกชวนะ ย่อมมีโดยความ
คุ้นเคยที่เป็นไปในลำดับแห่งอกุศลชวนะ อนึ่ง แม้ตทารมณ์เป็นไตร
เหตุ ต่อจากอกุศลชวนะ ย่อมมีโดยความคุ้นเคยที่เป็นไปแล้วใน
ลำดับแห่งกุศลชวนะ ฯ แต่ไม่มีคำที่จะพึงกล่าวเลยในความเป็นไปแห่ง
ตทารมณ์ ด้วยกรรมอื่น นอกจากรรมผู้ให้เกิดปฏิสนธิ ฯ เพราะ
ฉะนั้นและ พระผู้มีพระภาคจึงได้ตรัสไว้ในคัมภีร์ปัฏฐานว่า พระโยคี
ย่อมเห็นอเหตุขันธ์แจ่มแจ้งโดยความเป็นสภาพไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็น