ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค - อภิธัมมัตถสังคหบาลี และอภิธัมมัตถวิภาวีนีฎีกา - หน้าที่ 102
ที่มีเวทนาต่างกัน ดุจแก่จิตที่มีชาติต่างกัน ฯ
สองบทว่า ตโย โสฬสจิตฺเตสุ ความว่า ธรรม ๓ ประการมี
สัมมาวาจาเป็นต้น ย่อมบังเกิดขึ้นในจิต ๑๖ ด้วยอำนาจโลกุตตรจิต ๘
และกามาวจรกุศลจิต ๘ ๆ เพื่อจะแสดงธรรมที่ไม่แน่นอน ในบรรดา
เจตสิกธรรมที่ท่านกล่าวไว้แล้ว ด้วยสามารถแห่งสัมประโยคที่แน่นอน
และไม่แน่นอนอย่างนี้ เข้าด้วยกันแล้ว จึงแสดงเจตสิกธรรมนอกนั้น
เป็นธรรมที่แน่นอน ท่านอาจารย์จึงกล่าวคำว่า อิสสามจฺเฉร ดังนี้
เป็นต้นฯ ประกอบความว่า อิสสา มัจฉริยะ กุกกุจจจะ วิรัติ และ
อัปปมัญญามีกรุณาเป็นต้น บางครั้งเกิดขึ้นต่างกัน ส่วนมานะเกิดขึ้น
ในบางเวลา คือในเวลาที่เป็นไปด้วยอำนาจความถือตัวว่า เราเป็นผู้
ประเสริฐกว่าเป็นต้น อนึ่ง ถีนมิทธะเกิดขึ้นด้วยกัน คือด้วยอำนาจ
ไม่พรากจากกันและกันในกาลบางครั้ง คือในเวลาที่เป็นไปด้วยอำนาจ
ไม่สะดวกดีในการงานฯ อีกนัยหนึ่ง ประกอบ จ ศัพท์ที่บทว่า มาโน
จ นี้ เข้าไว้แม้ในบทว่า สห นี้ แล้วจึงทราบโยชนาว่า ถีนมิทธะ
บางคราวเกิดขึ้นพร้อมกัน คือพร้อมกับอิสสา มัจฉริยะ และกุกกุจจะ
ในปฏิฆจิตที่เป็นสสังขาริก และเกิดขึ้นพร้อมกันกับมานะในสสังขาริกจิต
ที่ปราศจากทิฏฐิ และในกาลบางคราว คือในเวลาที่ประกอบด้วย
สสังขาริกจิตซึ่งนอกไปจากปฏิฆจิตที่ปราศจากทิฏฐิเหล่านั้น หรือแม้ใน
เวลาที่ประกอบด้วยปฏิฆจิตที่เป็นสสังขาริกนั้น แล้วสสังขาริกจิตที่ปราศจาก
ทิฏฐิเหล่านั้น เกิดขึ้นต่างกัน ฯ
แต่อาจารย์อีกพวกหนึ่งประกอบคำไว้เพียงเท่านี้ว่า อนึ่ง มานะ