ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค - อภิธัมมัตถสังคหบาลี และอภิธัมมัตถวิภาวีนีฎีกา - หน้าที่ 129
อรรถว่า ยินดี คือพอใจของสัตว์ทั้งหลาย ฯ อารมณ์คือรสนั้น เพราะ
เหตุนั้น จึงชื่อว่ารสารมณ์ ฯ ที่ชื่อว่าโผฏฐัพพะ เพราะอรรถว่า อัน
สัตว์ถูกต้อง ๆ อารมณ์คือโผฏฐัพพะนั้น ชื่อว่าโผฏฐัพพารมณ์ ฯ
อารมณ์คือธรรม ชื่อว่าธรรมารมณ์ ฯ บทว่า ตตฺถ คือบรรดาอารมณ์
เหล่านั้นฯ บทว่า รูปเมว ได้แก่รูป กล่าวคือ สัททายตนะนั่นเอง ฯ
บทว่า สทฺทาทโย ได้แก่เสียงเป็นต้น กล่าวคือสัททายตนะเป็นต้น
และโผฏฐัพพาตนะคือภูตทั้ง ๓ เว้นอาโปธาตุฯ รูป ๑๖ ที่เหลือ
เว้นอารมณ์และปสาทรูปเสีย (อารมณ์ ๓ ปสาทรูป ๕-๑๒ ลบรูป
๒๘ เหลือ ๑๖ ) ชื่อว่าสุขุมรูปฯ บทว่า ปัจจุปปนุน คือเป็นไปอยู่ ๆ
บทว่า ฉพฺพิธมฺปิ คือแม้มี 5 อย่าง ด้วยอำนาจแห่งรูปเป็นต้น ฯ
พระนิพพานและบัญญัติ ชื่อว่าพ้นแล้วจากกาล เพราะไม่ควรจะ
กล่าวด้วยอำนาจแห่งกาลมีอดีตกาลเป็นต้น เหตุไม่มีความพินาศ ฯ
บทว่า ยถารห์ คือโดยอนุรูปแก่กามาวจรชวนะ อภิญญาชวนะ และ
ชวนะมีมหัคคตชวนะที่เหลือเป็นต้น ๆ จริงอยู่ สำหรับกามาวจรชวนะ
เว้นจากหสิตุปบาทจิต มีอารมณ์ทั้ง 5 อย่าง เป็นไปใน ๓ กาล
และพ้นจากกาลฯ หสิตุปบาทจิต มีอารมณ์เป็นไปใน ๓ กาลทีเดียว ฯ
จริงอย่างนั้น ท่านอาจารย์จักกล่าวความที่หสิตุปบาทจิตนั้น มีอารมณ์
เป็นกามาวจร โดยส่วนเดียว ฯ แต่อภิญญาชวนะที่เป็นไปด้วยอำนาจ
แห่งทิพจักษุเป็นต้น มีอารมณ์ทั้ง 5 อย่าง เป็นไปใน ๓ กาล และ
พ้นจากกาล ตามสมควร ฯ ส่วนวิภาคในอภิญญาชวนะนี้ จักมีแจ่มแจ้ง
ในปริเฉทที่ ๕ แลฯ แต่ชวนะที่เหลือมีมหัคคตชวนะเป็นต้น มีอารมณ์