ข้อความต้นฉบับในหน้า
1 က
ประโยค - อภิธัมมัตถสังคหบาลี และอภิธัมมัตถวิภาวีนีฎีกา - หน้าที่ 184
อรหัตตผลจิต ๑ ที่เหลือเว้นจิต ๔๕ ด้วยสามารถแห่งกุศลจิตและอกุศล
จิต ๓๓ ผลจิตเบื้องต่ำ ๓ และมหัคคตวิบากจิต ๔ ที่พ้นจากวิถีจิต
ตามสมควร คือตามที่ได้ คือตามอำนาจแห่งพระขีณาสพผู้ยังดำรงอยู่
ในกามภพฯ พึงแสดงวิถีจิตของพระเสขะ ๕๖ ด้วยอำนาจกามาวจร
วิบากจิต ๒๓ อาวัชชนจิต ๒ กุศลจิต ๒๑ อกุศลจิต ๓ และผลจิต
เบื้องต่ำ ๓ เว้นจิต ๓๓ ด้วยสามรถแห่งกิริยาชวนจิต ๑๘ จิตที
สหรคตด้วยทิฏฐิและวิจิกิจฉาทั้ง ๕ อัคคผลจิต ๑ แลมหัคคต
วิบากจิต (8) ตามสมควรแก่ความเป็นไปโดยไม่แปลกกัน ๆ แต่
โดยแปลกกัน จึงแสดงวิถีจิตของพระโสดาบันและพระสกทาคามี ๑๕
ของพระอนาคามี ๔๕ จึงแสดงวิถีจิต ๕๔ ของปุถุชน ๔ จำพวกที่เหลือ
ด้วยอำนาจกามาวจรวิบากจิต อาวัชชนจิต และ โลกิยกุศลจิตอกุศลจิต
ที่เหลือ เว้นจิต ๓๕ ด้วยอำนาจกิริยาชวนจิต ๑๘ โลกุตตรจิต
"ทั้งหมดและมหัคคตวิบากจิต ตามสมควรแก่ความเป็นไปโดยไม่แปลก
กันฯ บัณฑิตพึงเห็นสันนิษฐานว่า แต่โดยที่แปลกกัน วิถีจิต ๕๔
เท่านั้น ย่อมได้แก่ติเหตุกบุคคล (ผู้มีเหตุ ๓) ฯ วิถีจิต ๔๑ เว้น
วิบากจิตที่ประกอบด้วยฐาน และอัปปนาชวนจิต ย่อมได้แก่ทวิเหตุกะ
และอเหตุกบุคคล (ผู้มีเหตุ ๒ และไม่มีเหตุ) ฯ วิถีจิต ๑๓ เหล่านั้น
นั่นแล เว้นวิบากจิตที่มีเหตุ ๒ ย่อมได้แก่สัตว์ผู้เกิดในอบายๆ ความ
ต่างแห่งจิตที่เป็นไปด้วยอำนาจของบุคล ชื่อว่าบุคคลเภทฯ วิถีจิตแม้
ทั้งหมด ย่อมมีได้ เพราะความเป็นไปของทวาร ๖ และบุคคลทั้งหมด
ในกามาวจรภูมินั้น ฯ
ๆ