ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค - อภิธัมมัตถสังคหบาลี และอภิธัมมัตถวิภาวีนีฎีกา - หน้าที่ 218
"เจตนาดวงแรกนั้น ย่อมไม่ชื่อว่าเป็นตัวกรรม ที่เพ่งความขาดตอนแห่ง
สันดานที่เป็นไปแล้ว และที่เพ่งความได้โอกาส เหมือนกรรมทั้ง ๒
(คือ อุปปัชชเวทนียกรรม และอปราปริยเวทนียกรรม) นอกนี้
เพราะเป็นไปด้วยอำนาจแห่งความอุปการะและประทุษร้าย ในบุคคล
ผู้ประกอบด้วยคุณวิเศษ ในสันดารแห่งชวนะที่มีกำลัง โดยประการ
ดังกล่าวแล้ว เพราะเป็นเจตนาที่มีวิบากนิดหน่อย เพราะไม่ได้
การเสพคุ้น เพราะเหตุนั้น เจตนาดวงแรกนั้น จึงให้ผลเป็นอเหตุกะ
เพียงวิบากในปวัติกาล ดุจเพียงดอกไม้ในอัตภาพนี้เท่านั้น ฯ
ส่วนชวนเจตนาที่ ๒ ที่ให้สำเร็จประโยชน์ เป็นเจตนาที่ให้
สำเร็จความตั้งใจ ซึ่งได้ความวิเศษ โดยนัยดังกล่าวแล้ว ทั้งเป็น
เจตนาอำนวยวิบากให้ในอัตภาพเป็นลำดับไป ชื่อว่าอุปปัชชเวทนียะ
(คือกรรมให้ผลในภพหน้า) ฯ ก็แล ชวนเจตนาที่ ๒ นั้น ให้ปฏิสนธิ
ๆ
බ
เสียก่อนแล้ว จึงให้วิบากในปวัติกาล (ภายหลัง)ฯ ไม่มีการกล่าวว่า
"ก็เมื่อไม่ให้ปฏิสนธิ เจตนานั้น ย่อมให้วิบากในปวัติกาล" ฯ ท่าน
อาจารย์ทั้งหลายกล่าวไว้ว่า "แท้จริง ในอันดับจุติจิตเป็นโอกาสแห่ง
อุปปัชชเวทนียกรรม แต่เมื่อให้ปฏิสนธิแล้ว เจตนานั้นย่อมให้วิบาก
ในปวัติกาลต่อไป แม้ตั้ง ๑๐๐ ชาติ" ฯ เจตนา ๕ หมวด ที่
ยังไม่ถึงความเป็นทิฏฐธัมมเวทนียกรรมเป็นต้น เพราะเว้นจากเหตุ
ตามที่กล่าวแล้ว เป็นไปในท่ามกลางแห่งเจตนาที่เป็นเบื้องต้นและที่
สุด เมื่อมีการได้ช่องโอกาส ในกาลใดกาลหนึ่ง ที่อำนวยให้วิบาก
ในปฏิสนธิกาลและปวัติกาลสำเร็จได้ เพราะมีสภาพคือการให้ผลไม่