ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค - อภิธัมมัตถสังคหบาลี และอภิธัมมัตถวิภาวีนีฎีกา - หน้าที่ 224
เสียกรรมบถ ย่อมมีด้วยนัตถิกทิฏฐิอเหตุกทิฏฐิและอกิริยาทิฏฐิเท่านั้น ฯ
ส่วนความพิสดารแห่งอกุศลกรรมบถ ๑๐ เหล่านี้ ด้วยอำนาจการกำหนด
องค์เป็นต้น บัณฑิตพึงทราบโดยนัยแห่งคำที่มาแล้ว ในปกรณ์ปรมัตถ
โชติกาเป็นต้นนั้นๆฯ
สองบทว่า อญฺญตฺราปิ วิญญัตติยา ความว่า แม้เว้นกายวิญญัติ
และวจีวิญญัติฯ อธิบายว่า "แม้ไม่ให้วิญญัติทั้ง ๒ นั้นตั้งขึ้น"
ก็บรรดาอกุศลกรรมบถเหล่านี้ อกุศลกรรมบถมีอภิชฌาเป็นต้น ที่
สัมปยุตด้วยจิตอันยังวิญญัติให้ตั้งขึ้น มีในฝักฝ่ายแห่งเจตาเท่านั้นฯ
สองบทว่า โสมมูเลน ชายนฺติ ความว่า อกุศลธรรมมีปาณา
ติบาตเป็นต้น ย่อมเกิด โดยปัจจัยมีสหชาตปัจจัยเป็นต้น ร่วมกับมูล
กล่าวคือโทสะ หรือกับจิตมีโทสะเป็นมูล ไม่เกิดร่วมกับจิตมีโลภะเป็น
มูลเป็นต้นฯ จริงอยู่ พระราชาทั้งหลาย แม้จะทรงพระสรวลอยู่ก็ทรง
สั่งบังคับให้ประหาร ด้วยพระหฤทัยที่สัมปยุตด้วยโทสะทีเดียว ฯ แม้
ในผรุสวาจาและพยาบาท ก็พึงเห็นคำพูดตามสมควร เหมือนคำพูดที่
สมควรในปาณาติบาตฉะนั้น ๆ ท่านอาจารย์กล่าวไว้ว่า "และมิจฉาทิฏฐิ
ย่อมเกิดร่วมกับจิตที่มีโลภะเป็นมูล " เพราะความเห็นผิดเชื่อมั่นในวัตถุ
ที่ควรเชื่อมั่น มีโลภะออกหน้าเท่านั้น ฯ ๆ
หลายบทว่า เสสานิ ฯเปฯ สมฺภวนฺติ ความว่า อทินนาทาน
ของผู้มุ่งประโยชน์ มีการป้องกันตนและพวกพ้องเป็นต้น แล้วนำเอา
วัตถุที่ตนปรารถนา หรือไม่ปรารถนาไปก่อน ย่อมมีด้วยโลภมูลจิต
(คือด้วยจิตมีโลภะเป็นมูล), อทินนาทานของผู้ลักเพื่อแก้เวร (แก้แค้น)