ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค - อภิธัมมัตถสังคหบาลี และอภิธัมมัตถวิภาวีนีฎีกา - หน้าที่ 227
ธัมมเทสนา เพราะอรรถว่า เป็นเหตุแสดงธรรมฯ การทำความเห็น
ให้ตรง ชื่อว่าทิฏฐิชุกรรม ฯ
(อธิบายความหมายของเจตนาที่ชื่อว่าทานเป็นต้น]
บรรดาบุญกิริยาวัตถุมีทานเป็นต้นนั้น เจตนาที่เป็นไปด้วยอำนาจ
การสละวัตถุที่อยู่ของตน โดยความต้องการจะบูชา หรืออนุเคราะห์
แก่คนเหล่าอื่น ของบุคคลผู้มีสันดานยังมีอนุสัย ชื่อว่าทานฯ เจตนา
ส่วนเบื้องต้นและภายหลัง ซึ่งเป็นไปด้วยอำนาจการแสวงหาทานวัตถุ
และด้วยอำนาจการระลึกถึงทานที่ให้แล้ว ด้วยจิตโสมนัส ย่อมถึง
การประมวลลงในทานนี้เหมือนกัน ฯ ในบุญกิริยาวัตถุมีศีลเป็นต้น
แม้ที่เหลือ บัณฑิตพึงเห็นตามสมควรอย่างนั้น ๆ เจตนาที่เป็นไปของ
บุคคลผู้สมาทานศีล ๕ ศีล ๘ หรือศีล ๑๐ ด้วยอำนาจนิจศีลเป็นต้น
แม้ที่เหลือ บัณฑิตพึงเห็นตามสมควรอย่างนั้น ๆ เจตนาที่เป็นไปของ
บุคคลผู้สมาทานศีล ๕ ศีล ๘ หรือศีล ๑๐ ด้วยอำนาจนิจศีลเป็นต้น
บำเพ็ญให้บริบูรณ์ แม้ผู้ไม่สมาทาน แต่งด คือเว้นจากายทุจริตและ
วจีทุจริตที่ประจวบเข้า และของผู้สมาทานสังวร ในโรงอุปสมบท
บำเพ็ญจตุปาริสุทธิศีลให้บริบูรณ์ ก็ชื่อว่าศีล ฯ เจตนามีโคตรภูญาณ
เป็นที่สุด ที่เป็นไปด้วยอำนาจแห่งการบริกรรมและการพิจารณาใน
กรรมฐาน ๔๐ อย่าง และในภูมิมีขันธ์เป็นต้น ยังไม่ถึงอัปปนา ชื่อ
ว่าภาวนาฯ ถึงแม้เจตนาเล่าเรียนวิชาที่หาโทษมิได้เป็นต้น ก็ย่อมถึง
ความประมวลลงในภาวนานี้เหมือนกัน ฯ เจตนาที่ทำความนับถือมาก
แก่บุคคลผู้เจริญโดยวัยและโดยคุณ ด้วยอัธยาศัยที่ไม่เศร้าหมอง ซึ่ง
เว้นจากความหวังตอบแทนในปัจจัย ๔ มีจีวรเป็นต้น (และ) ด้วย