ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค - อภิธัมมัตถสังคหบาลี และอภิธัมมัตถวิภาวีนีฎีกา - หน้าที่ 170
อารมณ์อย่างเดียว ย่อมมีได้ เพราะไม่มีการกำหนดถือเอา เพราะ
วิบาก (จิต) นั้น ไม่มีการกำหนด ดุจเงาหน้าในกระจกฉะนั้น ๆ
แต่การที่กุศลและอกุศลถือเอาโดยอาการคือพอใจปานกลาง และไม่พอใจ
ในอติอิฏฐารมณ์ก็ดี โดยอาการคือพอใจ และพอใจปานกลางใน
อนิฏฐารมณ์ก็ดี ย่อมมีได้ เพราะเป็นไปในสันดานที่ยังละวิปัลลาส
ไม่ได้
จริงอย่างนั้น สำหรับพวกคนไม่มีศรัทธาเป็นต้น แม้ในอติ
อิฏฐารมณ์มีพระพุทธเจ้าเป็นต้น ก็มีชวนะประกอบด้วยอุเบกขาฯ แต่
สำหรับพวกเดียรถีย์เป็นต้นมีชวนะประกอบด้วยโทมนัสฯ อนึ่ง สำหรับ
พวกคนผู้มีความลึกซึ้งเป็นปกติเป็นต้น มีชวนะประกอบด้วยอุเบกขา
ในอารมณ์ปฏิกูล (น่าเกลียด) ฯ แต่สำหรับสัตว์มีพวกสุนัขเป็นต้น
มีชวนะประกอบด้วยโสมนัสในอารมณ์ปฏิกูลนั้น ๆ แต่วิบาก (จิต) ที่
เป็นไปในภาคก่อนและหลัง ย่อมเป็นไปตามวัตถุนั้นแล ฯ อนึ่ง วิบาก
(จิต) เป็นไปในภาคก่อนและภาคหลัง ของพวกสุนัขเป็นต้นซึ่งกำลัง
ชื่นใจในการเห็นของไม่สะอาด ก็เป็นไปตามอารมณ์เหมือนกันฉะนี้แล ฯ
ส่วนเหตุในความที่จักขุวิญญาณเป็นต้น แม้เป็นไปอยู่ในอติอิฏฐารมณ์
และอนิฏฐารมณ์ ก็สหรคตด้วยอุเบกขา ข้าพเจ้าได้กล่าวไว้แล้วใน
หนหลังนั่นและ ฯ บทว่า ตตฺถาปิ คือ แม้ในตทาลัมพนะ ฯ บทว่า
โสมนสฺสสหคตกุริยาชวนาวสาเน คือ ในที่สุดกิริยาชวนะทั้ง ๕ ที่
สหรคตด้วยสุขทั้งที่เป็นสเหตุกะและอเหตุกะ (มีเหตุและไม่มีเหตุ)ฯ
แม้กิริยาชวนะทั้งหลาย ย่อมเป็นไปตามสมควรแก่อารมณ์เหมือนกัน