ข้อความต้นฉบับในหน้า
-
ประโยค - อภิธัมมัตถสังคหบาลี และอภิธัมมัตถวิภาวีนีฎีกา - หน้าที่ 412
แล้วระลึกถึงคุณมีศรัทธาเป็นต้น ของตนเนือง ๆ ชื่อว่าเทวตานุสสติ ฯ
การระลึกถึงคุณของพระนิพพาน อันเป็นธรรมสงบระงับทุกข์ทั้งมวล
เนือง ๆ ชื่อว่าอุปสมานุสสติ ฯ การระลึกเนือง ๆ ถึงความตายอัน
เป็นความขาดสิ้นแห่งชีวิตนทรีย์ ชื่อว่ามรณานุสสติ ฯ สติที่ไป คือ
ดำเนินไปในส่วนแก่งการมีผมเป็นต้น ชื่อว่ากายคตาสติ ฯ อานะ
และอาปานะ ชื่อว่าอานาปานะ ได้แก่ลมหายใจออกและสมหายใจเข้าฯ
สติมีลมหายใจออกและลมหายใจเข้านั้นเป็นอารมณ์ ชื่อว่าอานา
ปานัสสติ ฯ
[อธิบายอัปปมัญญา ๔]
ธรรมชาติที่ชื่อว่าเมตตา เพราะอรรถว่า เยื่อใย คือเสน่หา
อีกอย่างหนึ่ง ชื่อว่าเมตตา เพราะอรรถว่า เกิดมีในพวกมิตร ฯ
เมตตานั้นมีการนำประโยชน์เกื้อกูลและความสุขเข้าไปให้แก่สัตว์ทั้งหลาย
เป็นลักษณะ ฯ กรุณามีความปรารถนาจะบำบัดทุกข์ของคนอื่น เป็น
ลักษณะ ฯ มุทิตามีความชื่นชมต่อสมาบัติของคนอื่นเป็นลักษณะ ฯ
อุเบกขามีความเป็นโดยอาการเป็นกลาง ๆ ในอิฏฐารมณ์และอนิฏฐา
รมณ์เป็นลักษณะ ฯ ภาวนามีเมตตาเป็นต้น ชื่อว่าอัปปมัญญา เพราะ
“มีสัตว์ไม่มีประมาณเป็นอารมณ์ ฯ ธรรมมีเมตตาเป็นต้น ชื่อว่าพรหม-
วิหาร เพราะเป็นธรรมที่อยู่อันสูงสุด หรือเพราะเป็นธรรมที่อยู่ของ
ผู้สูงสุดฯ
สัญญาที่เป็นไปว่าปฏิกูล ในกวฬิงการาหาร ด้วยอำนาจการ
พิจารณาโดยกิจมีการไป การแสวงหา และการบริโภคเป็นต้น ชื่อว่า
อาหารเรปฏิกูลสัญญา ฯ กำหนดธาตุทั้ง ๔ มีปฐวีธาตุเป็นต้น โดย