ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยคส - อภิธัมมัตถสังคหบาลี และอภิธัมมัตถวิภาวีนีฎีกา - หน้
1 - หน้าที่ 410
เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่าบริกรรมนิมิต ได้แก่ดวงกสิณเป็นต้น ฯ บริกรรม
นิมิตนั้นนั่นแล ชื่อว่าอุคคหนิมิต เพราะอรรถว่า เป็นนิมิตอันพระโยคี
พึงเรียนเอาด้วยใจ เหมือนเห็นด้วยจักษุ หรือเป็นนิมิตของพระโยคี
ผู้เรียนนิมิตฯ นิมิตที่เว้นจากโทษแห่งกสิณมีสีเป็นต้นซึ่งมีส่วนเหมือน
กับอุคคหนิมิตนั้น ชื่อว่าปฏิภาคนิมิต เพราะเป็นอารมณ์แก่อุปจาร
ภาวนาและอัปปนาภาวนา ฯ
[อธิบายกสิณและอสุภะ ๑๐]
ปฐวีนั่นแล ชื่อว่ากสิณ ด้วยอรรถว่า ทั้งสิ้นทุกส่วนสัด โดยที่
พระโยคีไม่หยุดอยู่ในส่วนใดส่วนหนึ่ง แต่พึ่งแผ่ไปทั้งหมดไม่มีระหว่าง
ว่างเว้น เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่าปฐวีกสิณ ฯ ดวงกสิณ ปฏิภาคนิมิต
1
และฌาน ที่มีปฏิภาคนิมิตนั้นเป็นอารมณ์ บัณฑิตเรียกว่า ปฐวีกสิณ ฯ
นัยแม้ในอาโปกสิณเป็นต้นก็อย่างนั้น ๆ
บรรดากสิณเหล่านั้น บัณฑิตพึงทราบว่า กสิณ ๔ มีปฐวีกสิณ
เป็นต้น ชื่อว่าภูตสิณ, กสิฯ 4 มีนีลกสิณเป็นต้น ชื่อว่าวัณณกสิณ,
ปริฉินนากาศ (อากาศที่กำหนด) ชื่อว่าอากาสกสิณ, แสงสว่าง
แห่งดวงจันทร์เป็นต้น ชื่อว่าอาโลกกสิณ ฯ
ซากศพที่ขึ้นพอง คือพองขึ้น ชื่อว่าอุทธุมาตะ ฯ อุทธุมาตะ
นั่นและ ชื่อว่าอุทธุมาตกะ เพราะอรรถว่า น่าเกลียด ๆ แม้ในอสุภ
ที่เหลือก็พึงทราบนัยอย่างนี้ ฯ ซากศพที่เจือปนด้วยสีขาวและสีแดง
เป็นต้น แต่ก็มีสีเขียวโดยมาก ชื่อว่าวินีลกะ เพราะกระทำวิเคราะห์
ว่า มีสีเขียวโดยพิเศษ ฯ ซากศพที่มีน้ำเหลืองไกลออกอยู่ ชื่อว่า