ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค - อภิธัมมัตถสังคหบาลี และอภิธัมมัตถวิภาวีนีฎีกา - หน้าที่ 130
ที่พ้นจากกาล และเป็นอดีตตามสมควร ฯ เชื่อมความว่า อารมณ์
ของจิตที่พ้นจากทวาร กล่าวคือปฏิสนธิ ภวังค์ และจุติ มี 5 อย่าง ฯ
ท่านอาจารย์ทำในใจว่า ก็อารมณ์นั้นของจิตที่พ้นจากทวารเหล่านั้น
อันจิตไร ๆ ไม่ยึดถือเอาเลย ย่อมไม่ถึงความเป็นอารมณ์ เหมือน
อารมณ์ของอาวัชชนจิตฉะนั้น และไม่เป็นปัจจุบันที่แท้จริง เหมือน
อารมณ์ของชวนจิตที่เป็นไปในทวาร ๕ ทั้งจะมี ๓ กาล เหมือน
อารมณ์ของชวนจิตที่เป็นไปในมโนทวาร หรือจะพ้นจากกาล (เสียที
เดียว) โดยไม่มีเหลือก็ไม่ใช่ ทั้งจะพ้นไปเสียจากการเรียก (ชื่อ)
ที่สำเร็จด้วยกรรมเป็นเหตุมา ด้วยอำนาจกรรมและกรรมนิมิตเป็นด้วย
เหมือนอารมณ์ของชวนจิตที่เป็นไปในส่วนก่อนแต่ใกล้จะตาย ก็หามิได้
จึงกล่าวว่า ยถาสมุภวํ ฯ เปฯ สมฺมติ ดังนี้ 1
[อธิบายอารมณ์ของจิตที่เป็นไปทางมโนทวาร]
บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า ยถาสมุภวํ ความว่า โดยความสม
ควรแก่ความบังเกิดแห่งปฏิสนธิ ภวังค์ และจุติ ที่เป็นไปในภูมินั้น ๆ
ด้วยอำนาจแห่งอารมณ์อันทวารนั้น ๆ ยึดถือแล้วเป็นต้น ฯ จริงอยู่
อาลัมพนะทั้ง ๕ มีรูปเป็นต้น อันทวาร ๖ ยึดถือแล้ว เป็นปัจจุบัน
และอดีตตามสมควร สมมติว่า เป็นกรรมและกรรมนิมิต เป็นอารมณ์
แก่ปฏิสนธิจิตและภวังคจิตที่เป็นกามาวจรก่อน ที่เป็นอดีตเท่านั้น
อารมณ์แห่งจุติจิตที่เป็นกามาวจร แต่ธรรมารมณ์ที่มโนทวารยึดถือแล้ว
นั่นแล ที่เป็นอดีตซึ่งสมมติว่าเป็นกรรมและกรรมนิมิต เป็นอารมณ์
แก่จิตทั้ง ๓ มีปฏิสนธิจิตเป็นต้นเหล่านั้น รูปารมณ์อย่างเดียวเท่านั้น
အ