ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค - อภิธัมมัตถสังคหบาลี และอภิธัมมัตถวิภาวินีฎีกา - หน้าที่ 65
ในอรูปภพ ๑๒ จึงกล่าวจิตยอดเยี่ยม คือโลกุตตรจิต ๘ ด้วยอำนาจ
ทุติยาวิภัตติพหุวจนะว่า จิตที่มีในอรูปภพ ชื่อว่าอรูปจิต (อรูปวจรจิต)
จิตที่ชื่อว่าอนุตตระ เพราะอรรถว่า ไม่มีจิตที่ยิ่งกว่าจิตเหล่านี้ ฯ
นักปราชญ์ คือบัณฑิตผู้มีการพิจารณาอรรถ โดยพิเศษเป็นสภาพ
กระทำประเภทจิต ๘๕ ด้วยอำนาจความต่างแห่งจิตเป็นไปในภูมิ ๔
ซึ่งมีความต่างกันโดยความต่างแห่งชาติ แล้วจำแนกใจคือจิตออกไป
ด้วยประการอย่างนี้ คือตามที่กล่าวมาแล้ว ฯ อีกอย่างหนึ่ง บัณฑิต
แจกจิตออกไปเป็น ๑๒๑ คือ ๑๐๐ เกินไป ๒๐ เลยไป ๑ ฯ
[ว่าด้วยฌานประกอบในโลกุตตรจิต]
ชื่อว่าปฐมฌานโสดาปัตติมรรคจิต เพราะอรรถว่า โสดา
ปัตติมรรคจิตนั้น และเป็นปฐมฌาน เพราะแม้นกับปฐมฌานเป็นต้น
ด้วยอำนาจองค์ฌาน ๆ จริงอยู่ มรรคทั้ง ๔ ได้ชื่อว่าปฐมฌานเป็นต้น
เพราะความปรากฏแห่งองค์มีวิตกเป็นต้น ซึ่งแม้นกับฌานนั้น ๆ ด้วย
อำนาจฌานอย่างใดอย่างหนึ่ง ในบรรดาฌานที่เป็นบาท ฌานที่พิจารณา
และอัธยาศัยบุคคล ท่านจำแนกออกไปอย่างละ ๕ ๆ ๆ เพราะฉะนั้น
ท่านอาจารย์จึงได้กล่าวว่า ฌานงฺคโยคเภเทน เป็นอาทิฯ บรรดา
ฌานที่เป็นบาท ฌานที่พิจารณา และอัธยาศัยบุคคลนั้น วิปัสสนา
ที่เป็นวุฏฐานคามินีเป็นไปแก่พระโยคีผู้เข้าฌานใด ๆ ในบรรดาฌาน
มีปฐมฌานเป็นต้น ออกจากฌานที่เข้านั้นแล้วพิจารณาสังขาร ฌาน
นั้น ๆ ชื่อว่าฌานที่เป็นบาท เพราะเป็นปทัสถาน (ที่ตั้ง) แห่ง