ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค - อภิธัมมัตถสังคหบาลี และอภิธัมมัตถวิภาวีนีฎีกา - หน้าที่ 236
ขึ้นไว้ในปฏิสัมภิทาวิภังค์ และเพราะในคัมภีร์ปัฏฐาน ทรงหมายเอา
ความไม่มีวิบากในปฏิสนธิอย่างเดียว จึงมิได้ทรงยกภาวะแห่งกรรม-
ปัจจัยที่เป็นไปในขณะต่าง ๆ กันขึ้นไว้ฯ ๆ จริงอยู่ ถ้าพระผู้มีพระภาค
ทรงหมายถึงวิบากในปวัติกาล จึงตรัสภาวะแห่งกรรมปัจจัยที่เป็นไป
ในขณะต่าง ๆ กันไว้ไซร้ ในเวลาที่ตรัสนั้น ผู้ฟังทั้งหลายก็พึงจะ
สำคัญแม้ซึ่งปฏิสนธิวิบากแห่งเจตนากรรม ที่สหรคตด้วยอุทธัจจะนั้น
เพราะฉะนั้น จึงไม่ตรัสภาวะแห่งกรรมปัจจัยที่เป็นไปในขณะต่าง ๆ กัน
ด้วยอำนาจแห่งปวัติวิบากแม้ที่ได้อยู่ๆ เพราะเหตุนั้น พวกเกจิอาจารย์
จึงไม่อาจห้ามปวัติวิบากแห่งเจตนากรรมที่สหรคตด้วยอุทธัจจะนั้นได้ ฯ
ด้วยเหตุนั้น ท่านอาจารย์จึงได้กล่าวคำมีอาทิว่า "ปวตฺติยมปน" ฯ
ส่วนอาจารย์ทั้งหลาย มีท่านอาจารย์พุทธมิตเป็นต้น จำแนกเจตนา
กรรมที่สหรคตด้วยอุทธัจจะไว้ ๒ อย่าง แล้วพรรณนาว่า เจตนากรรม
อย่างหนึ่งให้วิบากได้ทั้ง ๒ อีกอย่างหนึ่ง ไม่มีวิบาก แม้โดยประการ
ทั้งปวงอย่างนี้ว่า "เจตนากรรมที่สหรคตด้วยอุทธัจจะ อันภาวนาจึงละ
ก็มี ไม่ใช่อันภาวนาจะพึงละก็มี ใน ๒ อย่างนั้น ที่อันภาวนาพึงละ
เป็นไปในสันดานของพระเสขะ ที่ไม่ใช่อันภาวนาจะพึงละนอกนี้เป็นไป
ในสันดานของปุถุชน และที่เป็นไ
และที่เป็นไปในสันดานของปุถุชนเท่านั้นมีการ
ให้ผล ที่เป็นไปในสันดานแห่งพระเสขะนอกนี้ไม่มี (การให้ผล)" ฯ
ก็ข้อวินิจฉัยในคำที่กล่าวมาแล้วนี้ ของพระอาจารย์ทั้งหลายมีอาจารย์
พุทธมิตเป็นต้นเหล่านั้นอันใด การห้ามคำวินิจฉัยนั้นอันใดและการคัด
ค้านมติของท่านที่กล่าวว่า ไม่มีวิบากแม้โดยประการทั้งปวงอันใด ซึ่ง