อภิธัมมัตถสังคหบาลี และอภิธัมมัตถวิภาวีนีฎีกา - หน้า 403 อภิธัมมัตถสังคหบาลี และอภิธัมมัตถวิภาวีนีฎีกา หน้า 403
หน้าที่ 403 / 442

สรุปเนื้อหา

เนื้อหาเกี่ยวกับการวิเคราะห์และเข้าใจมรรคและผลในพระอภิธรรม โดยเน้นถึงวิปัสสนาและวิโมกข์ที่ทำให้เกิดการเห็นแจ้งในหลักธรรม ทั้งในมรรคและผล การบรรลุของพระอริยบุคคลเช่นโสดาบันและสกิทาคาสี ประเด็นสำคัญคือความแตกต่างของวิโมกข์และการพัฒนาในด้านการเจริญธรรม โดยมุ่งเน้นไปที่การละความตั้งลงและการพิจารณาเห็นต่างๆ ในชีวิต

หัวข้อประเด็น

-หลักวิปัสสนา
-วิโมกข์และมรรค
-การเห็นแจ้งของพระอริยบุคคล
-ความสำคัญของการพัฒนาธรรม
-โสดาบันและสกิทาคาสี

ข้อความต้นฉบับในหน้า

ประโยค - อภิธัมมัตถสังคหบาลี และอภิธัมมัตถวิภาวีนีฎีกา - หน้าที่ 403 หมาย) จัดเป็นวิโมกขมุข ฯ ทุกขานุปัสสนา (การพิจารณาเห็นโดย เป็นทุกข์) ละความตั้งลง (หรือความมุ่งมาด) คือ ตัณหาเสียได้ ชื่อว่าอัปปณิหิานุปัสสนา (การพิจารณาเห็นโดยไม่มีที่ตั้ง) จัดเป็น วิโมกขมุขฯ เพราะฉะนั้น มรรคจึงได้ชื่อ ๓ อย่าง ด้วยอำนาจแห่ง วิปัสสนาเป็นเหตุมา (เป็นเหตุบรรลุ) คือ ถ้าวุฏฐานคามินีวิปัสสนา เห็นแจ้งโดยมิใช่ตน มรรคก็ชื่อว่าสุญญตวิโมกข์ ๑, ถ้าเห็นแจ้งโดย ไม่เที่ยง มรรคก็ชื่อว่าอนิมิตตวิโมกข์ ๑, ถ้าเห็นแจ้งโดยเป็นทุกข์ มรรคก็ชื่อว่าอัปปณิหิตวิโมกข์ ๑ ฯ และผลก็มีชื่อว่าอย่างนั้น ย่อมมี ในมรรควิถี ด้วยอำนาจแห่งมรรคเป็นเหตุมร (เป็นเหตุบรรลุ) ฯ ก็ผลแม้ที่เกิดขึ้นตามหน้าที่ของตนแก่เหล่าพระโยคีผู้เห็นแจ้งอยู่ โดย นัยตามที่กล่าวแล้ว ในวิถีแห่งผลสมาบัติ ท่านก็เรียกว่าวิโมกข์ มี สุญญตวิโมกข์เป็นต้น ด้วยอำนาจแห่งวิปัสสนาเป็นเหตุมาเหมือนกัน ฯ ส่วนชื่อทั้ง ๓ เหมือนกันทีเดียว แก่มรรคและผลแม้ทั้งหมด ทั้งใน มรรควิถี และผลสมาบัติวิถีทุกอย่าง ด้วยอำนาจอารมณ์และด้วยอำนาจ กิจของตน ฯ นี้เป็นความต่างแห่งวิโมกข์ ในอธิการแห่งวิโมกข์นี้ [ประเภทบุคคล] ก็บรรดาพระอริยบุคคลเหล่านี้ พระอริยาบุคคลผู้มีชื่อว่าโสดาบัน มีการไปอบายอันละเสียได้แล้ว มี ๒ ครั้งเป็นอย่างยิ่ง เพราะเจริญ โสดาปัตติมรรคแล้วละทิฏฐิและวิจิกิจฉาเสียได้ ฯ มีชื่อว่าสกิทาคาสี เพราะเจริญสกิทาคามิมรรค แล้วทำราคะ โทสะ และโมหะให้เบา
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

Load More