ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค - อภิธัมมัตถสังคหบาลี และอภิธัมมัตถวิภาวีนีฎีกา - หน้าที่ 50
ชาวบ้านนอกบางคน อาศัยชนผู้เป็นราชพัลลภ หรือมิตรผู้เกี่ยวข้อง
กับพระราชา ย่อมเข้าไปพระราชมณเฑียร ได้ฉันใด จิตอาศัยวิตก
ย่อมขึ้นสู่อารมณ์ได้ฉันนั้นๆ
ถามว่า ถ้าอย่างนั้น จิตที่ไม่
ไม่มีวิตกจะขึ้นสู่อารมณ์ได้อย่างไร ?
เฉลยว่า จิตไม่มีวิตกแม้นั้น ก็ขึ้นสู่อารมณ์ได้ด้วยกำลังวิตก
เหมือนกันฯ เปรียบเหมือนบุรุษชาวบ้านคนนั้น แม้ขาดมิตรนั้น
ก็ไม่มีความหวาดระแวงเข้าสู่พระราชวังได้ เพราะความคุ้นเคน ฉันใด
จิตไม่มีวิตกก็ฉันนั้น แม้เว้นวิตกเสียก็ขึ้นสู่อารมณ์ได้ เพราะความ
คุ้นเคย ฯ ก็จิตภาวนาที่บังเกิดแล้วด้วยสามารถแห่งความเป็นไปเนือง ๆ
ในสันดานแห่งจิตมีวิตก ชื่อว่าความคุ้นเคยในอธิการนี้ ฯ อนึ่ง
ปัญจวิญญาณแม้ไม่มีวิตก ก็ขึ้นสู่อารมณ์ได้ ด้วยกำลังแห่งวัตถุกับ
อารมณ์กระทบกัน และทุติยฌานเป็นต้น ย่อมขึ้นสู่อารมณ์ได้ด้วยกำลัง
แห่งภาวนาเบื้องต่ำ ฯ
બૈં
[วิจาร]
ન
॥
ธรรมที่ชื่อว่าวิจาร เพราะอรรถว่า เป็นเหตุเที่ยวไปในอารมณ์
แห่งจิตฯ วิจารนั้นมีอันเคล้าอารมณ์เป็นลักษณะ ฯ จริงอย่างนั้น
วิจารนั้นท่านแสดงไขว่า ความติดตามอารมณ์ ฯ บรรดาวิตกและ
วิจารเหล่านี้ วิตกยังจิตให้ตกถึงก่อน ดุจเสียเคาะระฆังทีแรก ด้วย
อรรถว่า หยาบว่าวิจาร และด้วยอรรถว่า ไปก่อนหน้าของวิจารนั้น
นั่นแล ความตามเคล้า ชื่อว่าวิจาร ดุจเสียครวญแห่งระฆังฯ
อนึ่ง วิตกมีอันแผ่ไป มีภาวะยังจิตให้ดิ้นรน ดุจการกระพือปีก